|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Apr 16, 2016 2:52:30 GMT
Law of Attraction กฎแห่งแรงดึงดูด
ภาค 1
กฎแห่งแรงดึงดูด มันมีอยู่แล้วในธรรมชาติ เราทุกคนใช้กฎนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเราไม่รู้ เราจึงใช้กฎกันอย่างมั่วๆ ดึงดูดสิ่งดีบ้าง ดึงดูดสิ่งร้ายบ้าง เราต้องรู้จักนิสัยตัวเองก่อน นิสัยคือเครื่องรับประกันว่า ท้ายที่สุด เราจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จและมีความสุขหรือไม่ นิสัยของเรามาจาก 3 ส่วน คือ จากบรรพบุรุษ จากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ และจากสภาพแวดล้อมที่คอ่ยๆ เปลี่ยนตัวเราไปที่ละน้อย
แบ่งนิสัยกว้าง ๆ เป็น 2 กลุ่ม คือนิสัยด้านลบ และนิสัยด้านบวก ใครมีด้านไหนมาก ชีวิตคนนั้นจะไปในทางนั้น ผู้มีนิสัยด้านบวกจะมีความสุขและประสบความสำเร็จ ผู้มีนิสัยด้านลบจะมีความทุกข์และมักไม่ประสบความสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่เราจะมีทั้งสองด้าน บางช่วงในชีวิตนิสัยด้านบวกทำให้เรารุ่ง บางครั้งนิสัยด้านลบทำให้เราย่ำแย่โชคร้ายซ้ำซาก ดูเหมือนเราจะควบคุมอะไรไม่ได้ คิดว่ามันเป็นโชค แต่เปล่าเลย ถ้าเรารู้และเข้าใจจะควบคุมสภาวะนี้ได้
มันไม่ใช่แค่ความคิด แต่เป็นสภาวะ เพราะถ้าแค่เราคิดบวกแล้วชีวิตดีขึ้น คนเราคงเปลี่ยนกันได้ตามสี่แยกไฟแดง คนส่วนใหญ่จึงปฏิบัติไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ รู้แต่ว่าคิดบวก คิดบวกกันไปตามพวกรู้ตื้นๆ ที่เย้วๆ สอนกันมา แล้วจบลงด้วยกลับบ้านนอน ถามตัวเองว่า จะคิดบวกยังไงให้ประสบความสำเร็จ คำตอบคือ ไม่มีวัน ไม่มีทาง คุณจะตายไปพร้อมความเข้าใจผิดๆ นี่แหละ
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Apr 17, 2016 6:40:33 GMT
กฎแห่งแรงดึงดูด ภาค 2
ความต้องการสิ่งต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามกฎแห่งแรงดึงดูดจึงต้องมา่จากภายในจิตใต้สำนึกของเรา ไม่ใช่แค่คิด หรือแสร้งทำเป็นว่าเราซาบซึ้งกับความรู้สึกนั้น คือมันต้องเกิดขึ้นเองในจิตใจเราตามธรรมชาติ การทำตัวเองให้เป็นมนุษย์เชิงบวกต่างหากจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
มนุษย์เชิงบวกต้องมีองค์ประกอบด้านบวกทัี้ง 4 คือ อารมณ์ ความคิด การดำเนินชีวิต และการกิน คุณต้องเริ่มทำทั้ง 4 ข้อนับแต่วันนี้ เพราะทั้งหมดนี้เกื้อหนุนกันเป็นวัฎจักร ข้ามอันใดอันหนึ่งไมไ่ด้ คนอารมณ์ดีเท่านั้นที่จะคิดแต่เรื่องดีๆ คนอารมณ์เสียหรือขุ่นมัวเสมอ การพยายามคิดเรื่องดีๆ ก็เหมือนการฝืนตัวเองซึ่งจะยิ่งทำให้กลายเป็นคนเก็บกดในท้ายที่สุด จึงต้องเริ่มที่ทำอย่างไรให้เราเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ แน่นอนการคิดดีก็มีส่วนด้วย แต่ให้ถือว่ามันเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมดของกระบวนการ
อันดับต่อไปให้ทำข้อที่เหลือให้สอดคล้อง คือการดำเนินชีวิตด้านบวก เมื่อจะเริ่มต้องทำทันทีในทุกบริบท และอย่ามีข้ออ้าง ข้ออ้างแปลว่าคุณไม่พร้อม ไม่พร้อมคือสอบตก ไม่มีคาบเส้น ไม่มีอลุ่มอล่วย ไม่มีเผื่อฟลุ็ค สั้นๆ ง่ายๆ อันดับแรกของการดำเนินชีวิตด้านบวกที่ต้องทำวันนี้เลยคือ นอนให้ตรงให้พอและเป็นเวลา ตื่นมาให้สดชื่น อันดับต่อมาคือการกิน กินให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่มากไม่น้อยเกิน อาหารครบคุณค่า คนกรดสูงให้กินด่างช่วย คนด่างสูงให้กินกรดช่วย ดื่มและกินเพื่อเสริมพลังชีวิตมิใช่บั่นทอน
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Apr 19, 2016 6:20:44 GMT
Law of Attraction กฎแห่งแรงดึงดูด
ภาค 3
มนุษย์เราแบ่งกว้างๆเป็น 2 ธาตุ คือเย็นและร้อน(หยินหยาง) ท่านต้องไปค้นหาว่าตัวเองเป็นธาตุใด เพื่อเลือกอาหารกินให้ถูกับธาตุของตัวเอง เพราะอาหารการกินมีผลต่ออารมณ์ กินอาหารผิดธาตุทำให้เป็นคนมีอารมณ์เชิงลบสูง กินอาหารถูกธาตุทำให้เป็นคนอารมณ์ดี
การดำเนินชีวิตที่พอเหมาะ ไม่หักโหมไป พักผ่อนอย่างพอเหมาะ ออกกำลังกายตามสมควร ทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานสมดุล ร่างกายไม่สูญเสียอะไรเกินหรือต้องขจัดอะไรมากเกินไป ทำให้อวัยวะต่างๆ ไม่ต้องทำงานหนัก ส่งเสริมให้มีสมาธิและอารมณ์สงบนิ่ง
การใช้สมองควรมีการพัก อย่าใช้พร่ำเพรื่อ อย่าเอาเรื่องต่างๆ มาคิดก่อนนอน ฝึกการตัดสินใจบนข้อมูลที่เพียงพอ ใช้เวลาในการตัดสินใจสิ่งต่างๆ อย่างพอเหมาะ และมั่นใจตัวเองที่จะรองรับผลนั้นๆ อย่าเก็บเรื่องทุกอย่างไว้คนเดียว หาคนที่สามารถให้คำปรึกษาได้ คัดกรองเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเราออกจากความคิด ทำอย่างนี้คุณจะเป็นคนที่ใช้สมองอย่างพอเหมาะ
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Apr 30, 2016 1:13:58 GMT
Law of Attraction กฎแห่งแรงดึงดูด
ภาค 4
สรุปรวมความได้ว่า ผู้ที่มีและสร้างสภาวะเชิงบวกจนเป็นสิ่งปกติในชีวิต จึงจะสามารถดึงดูดสิ่งที่เป็นบวกมาสู่ตนเองได้ แต่มันไม่ง่ายอย่างงั้น บางคนคิดว่าการนึกถึงแต่เงินบ่อยๆ เดี๋ยวเงินก็มา แต่ทำไมกลับยิ่งรู้สึกโหยหา รู้สึกเงินขาดมือมากขึ้น รู้สึกว่าชีวิตขาดแคลนเงินมากขึ้นทุกที เพราะในความรู้สึกอยากได้เงินจะมีความรู้สึกด้านลบมาพร้อมกันด้วย และถ้าคุณไม่มีสภาวะเชิงบวกอย่างเต็มเปี่ยมอยู่ในจิตของคุณ จิตของคุณก็ไม่สามารถจะคัดกรองสภาวะเชิงลบที่มาพร้อมเงินได้
สภาวะเชิงลบที่มาพร้อมเงิน เช่น ความโลภ การเฝ้ารอ ความไม่แน่ใจ การรอคอยที่หวาดวิตก ความไม่เชื่อมั่น ความสงสัย ความฟุ้งซ่าน ฯลฯ การที่เรานึกอยู่ทุกวันว่า ฉันรวย ฉันรวย ฉันรวย จึงไม่ทำให้คุณเป็นคนรวย หรือมีสภาวะเชิงบวกดึงดูดความร่ำรวยมาสู่ตนเอง กลับกลายเป็นสร้างความฟุ้งซ่าน เลอะเลือน ล่องลอย มีจิตใจเหมือนคนโง่เขลาไร้สาระ
การสร้างนิสัยและความรู้สึกเชิงบวกลำดับแรกคือ การสร้างความสุขให้แก่จิตใจ เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาคน สัตว์ สิ่งของ วัตถุใดๆ เป็นความสุขที่ปราศจากกาลเวลา ข้อแม้ เงื่อนไข และสิ่งยึดเหนี่ยวใดๆ ท่านจงฝึกให้ได้สิ่งเหล่านี้ในจิตใต้สำนึกของตัวเองก่อน คือ ปล่อยได้ วางเป็น เห็นคุณค่าสิ่งรอบตัว ไม่มัวแต่เฝ้ารอ อย่าขอพร่ำเพรื่อ ความเบื่อหน่ายไม่มี ความเจ้ากี้เจ้าการให้หมดไป พึงพอใจกับทุกความสุขสบาย เรื่องร้ายลืมให้เร็วที่สุด หยุดพูดถึงสิ่งที่ไม่ชอบ ขอบใจมากๆ แม้กับเรื่องดีเพียงเล็กน้อย ปล่อยใจและสมองให้โล่งๆ ว่างๆ และหยุดสร้างความสมบูรณ์แบบ ได้อย่างนี้เมื่อไหร่ ท่านจะได้สภาวะเชิงบวกอันไร้ขีดจำกัดจากจิตใจของตนเอง และพร้อมเป็นแม่เหล็กดึงดูดสิ่งที่ท่านปรารถนาอย่างแท้จริง
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on May 14, 2016 9:06:58 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ภาค 5
คนอารมณ์ดีเท่านั้น จะคิดได้แต่เรื่องดีๆ การพยายามคิดบวกหากภายในจิตใจของเรายังขุ่นมัว มุ่งร้าย เป็นการฝืน และเรามักจะฝืนได้ไม่นาน แม้ฝืนได้นานก็จะเพาะบ่มสภาวะเชิงลบด้านอื่น เช่น เก็บกด หดหู่ ฯลฯ คนที่คิดแต่เรื่องดีๆ จึงมักใส่ใจกับสุขภาพ ไม่ใช้ร่างกายเกินขอบเขตที่ควรจะเป็น เรียนรู้การทำงานของอวัยวะต่างๆ และบำรุงดูแลเพื่อให้คงประสิทธิภาพไปนานๆ รวมถึงการออกกำลังกาย ดูแลหัวใจ ปอด ลำไส้ กระเพาะ ม้าม ตับ ไต ฯลฯ
คนใส่ใจสุขภาพจึงเลือกกินอาหารที่สร้างประโยชน์แก่ร่างกาย เข้าใจโภชนาการที่เหมาะสม เมื่ออารมณ์ดีส่งเสริมการคิดดี การคิดดีสรรสร้างการดูแลสุขภาพ การดูแลสุขภาพจึงก่อเกิดการใส่ใจในอาหารการกิน และอาหารที่เหมาะสมจะกระตุ้นอารมณ์ที่แจ่มใสเบิกบาน เมื่อทำได้อย่างนี้เท่ากับเราได้กระตุ้นวัฎจักรแห่งสภาวะเชิงบวก
วัฎจักรแห่งสภาวะเชิงบวกคือกงล้อแห่งชีวิตที่จะสร้างความรู้สึกดีๆ แก่ตัวเองโดยธรรมชาติและจากภายใน กงล้อนี้เมื่อเคลื่อนที่อย่างสมบูรณ์แล้วจะมีพลังขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้พลังจากภายนอกมาผลักกงล้ออีกต่อไป การสร้างสภาวะเชิงบวกในจิตใจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มพูน ความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจะมีอยู่เสมอและตลอดเวลา ในบางช่วงที่พบวิกฤติก็จะมีสภาวะคล้ายรถยนต์สมรรถนะดีที่ขับเคลื่อนผ่านหลุมบ่อ เพียงแต่รู้สึกสะท้านสะเทือนเล็กน้อยเฉพาะเวลานั้น เมื่อผ่านพ้นหลุมบ่อไปแล้วความรู้สึกกระชับ มั่นใจก็กลับคืนมาค่อนข้างทันที
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on May 26, 2016 5:17:15 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 6
สภาวะเชิงบวกไม่ใช่การสร้างปาฎิหาริย์ มีชายคนหนึ่งอยากสร้างสภาวะเชิงบวกจากการที่ธุรกิจของเขาประสบปัญหา คนนี้ทำอสังหาริมทรัพย์ ใช้ที่ดินผืนสุดท้าย เงินทุนก้อนสุดท้ายทำบ้านจัดสรร ด้วยความไม่เคยมีความรู้ในอาชีพนี้เลย จากการที่เคยเป็นเพียงอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ รู้แต่ว่าทำอสังหาริมทรัพย์แล้วกำไรดี รวยเร็ว จึงกระโดดเข้ามาสู่ธุรกิจนี้จากคนนับศูนย์
อยากเรียนรู้กฎแห่งแรงดึงดูดโดยคิดเอาเองว่า จะได้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ตัวเองลงทุนไว้ ทั้งที่ไม่เคยวิเคราะห์ ทำการวิจัย และไม่เข้าใจการตลาด เคยคิดเอาเองว่าผลจะออกมาดี แต่ปรากฎว่าโครงการขายไม่ได้ แล้วคิดเอาว่ากฎแห่งแรงดึงดูดจะทำให้ปัญหาขายโครงการไม่ได้จะเปลี่ยนไป จะมีการดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้อโครงการของตัวเองจนร่ำรวยเป็นเศรษฐี เป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ จากปาฎิหาริย์ของกฎแห่งแรงดึงดูด
กฎแห่งแรงดึงดูดไม่สามารถแก้ไขผิดให้เป็นถูก เปลี่ยนของเน่าให้เป็นของดี หรือแก้ไขการเริ่มต้นที่ย่ำแย่ให้กลับกลายเป็นดีได้ นั่นคุณเข้าใจผิดแล้ว ธุรกิจที่เริ่มต้นอย่างแย่ๆ ปราศจากการวางแผนที่ดี ไร้ข้อมูลทางการตลาด ไม่แยแสพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งหมดนี้คือสภาวะเชิงลบ เป็นธรรมชาติของสิ่งที่คุณสร้างขึ้น แล้วมันจะเกิดกฎแห่งแรงดึงดูดดีๆ เข้ามาได้อย่างไร ถ้าคุณต้องการกฎแห่งแรงดึงดูดที่มีมาเฉพาะด้านบวก คุณต้องเริ่มต้นใหม่ที่ปราศจากสภาวะสภาวะเชิงลบโดยสิ้นเชิง คุณจึงจะดึงดูดแต่สิ่งดีๆ เข้ามาสู่คุณได้ จึงต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า กฎแห่งแรงดึงดูดไม่ใช่ปาฎิหาริย์ที่จะเสกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ หรือเปลี่ยนอะไรๆ ที่แย่ๆ ให้มันกลับมาดี คุณต่างหากต้องลงมือ ทำแต่สิ่งที่เป็นสภาวะเชิงบวก แล้วมันจะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาสู่คุณในภายหลัง
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on May 26, 2016 5:48:31 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 7
นอกจากคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า กฎแห่งแรงดึงดูดเป็นปาฏิหาริย์เสกคนตายให้ฟื้นได้ เปลี่ยนของเน่าเหม็นไร้ราคาให้จู่ๆ เรืองแสงเปล่งออร่า มีราคาค่างวดขึ้นมาเฉยๆได้แล้ว ยังเข้าใจผิดว่า ถ้าคิดบวกเดี๋ยวอะไรดีๆ มันก็จะเกิดขึ้นเอง เหมือนกฎแห่งแรงดึงดูดคือยาแก้สารพัดโรค ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นควมเข้าใจผิด และทำให้คนส่วนใหญ่ล้มเหลว ไม่สำเร็จ ไปไม่ถึงฝัน และคิดว่า กฎแห่งแรงดึงดูดเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน ปาฏิหาริย์หลอกคนโง่ การตลาดของค่ายหนังสือ ฯลฯ
กฎแห่งแรงดึงดูดเป็นเพียงพลังงานบางอย่างที่เกิดขึ้นจากกระบวนการที่เราเริ่มต้นไว้อย่างถูกต้อง จำได้มั้ยที่เราพูดถึงวัฏจักรแห่งสภาวะเชิงบวก นั่นคือตัวจักรสำคัญที่คุณต้องใส่กระบวนการลงไปอย่างเข้าใจและถูกต้อง เมื่อวัฏจักรนี้ขับเคลื่อน จึงก่อเกิดพลังงานของกฎแห่งแรงดึงดูดขึ้น พลังงานนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจึงจะดึงดูดสภาวะเชิงบวกอื่นๆ มาสู่ตัวเรา ฉะนั้น การทำสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้องแต่แรกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อคุณทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วคาดหวังว่าผลจะออกมาดี ออกมาบวก จึงเป็นความเชื่อที่เหลวไหลไร้สาระ
กฎแห่งแรงดึงดูดไม่ได้ช่วยให้คนที่พิการแขนขากลับมามีแขนขาใหม่ แต่ทำให้คุณใช้ศักยภาพของคนที่ไม่มีแขนขาได้เกินขีดจำกัดเดิมๆ ที่คุณเคยเข้าใจ เคยดูถูกตัวเองไว้ หรือที่คนอื่นๆ เคยดูแคลน ช่วยให้คุณสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ๆ ให้กับธุรกิจเดิมๆ ของคุณบนศักยภาพเท่าที่มันจะเป็น ช่วยให้คุณเกิดความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียแปลกใหม่ และดึงดูดสิ่งใหม่ๆ จะสิ่งใหม่ๆ ที่คุณได้เริ่มต้นไว้ ไม่ใช่การก่อเกิดสิ่งใหม่ที่มาจากความคิดเดิมๆ กระบวนการเดิมๆ ความเชื่อเดิมๆ และพฤติกรรมเดิมๆ
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on May 26, 2016 6:01:29 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 8
มีคำถามง่ายๆ ว่า ระหว่างสิ่งที่ถูกต้อง กับสิ่งที่เป็นบวก อันไหนสำคัญกว่ากัน สิ่งที่ถูกต้องไม่่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำ กระบวนการ เรื่องราว เนื้อหา ฯลฯ และสิ่งที่เป็นบวกคือคิดบวก ทำบวก กระบวนการที่เป็นบวก เรื่องราวดีๆ และเนื้อหาที่เป็นบวก คุณเลือกสิ่งที่เป็นบวกใช่ม้้ยล่ะ เพราะทั้งหมดนี้เรากำลังพูดถึงสภาวะเชิงบวกกันอยู่ และเราเคยถามผู้คนมาจำนวนหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ๋ก็ตอบแบบนี้ แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ๋ตอบนั้นมันผิด
ในตอนที่แล้ว เราบอกคุณว่าถ้าเริ่มต้นอย่างผิดๆ กฎแห่งแรงดึงดูดก็จะไม่เปลี่ยนสิ่งที่เป็นผิดให้เป็นถูกได้ นั่นคือความจริงที่คุณต้องตระหนัก เมื่อคุณเริ่มต้นอะไรไว้อย่างผิดๆ ย่อมไม่มีวันที่ผลมันจะออกมาถูกต้องได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะมีสภาวะเชิงบวกมากมายขนาดไหน เหมือนถนนที่จะพาคุณไปสู่จุดหมายได้มีซ้ายและขวาให้เลือก แต่มีเส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะพาคุณไป และอีกเส้นทางหนึ่งจะไปทางตรงข้าม ถ้าคุณเลือกถนนที่ผิด ไม่ว่าคุณจะคิดบวกขนาดไหนลงทุนอะไรไปเท่าไหร่ ผลมันย่อมออกมาในทางตรงข้ามเสมอ แต่หากคุณเลือกถนนที่ถูก ต่อให้คุณไม่คิดบวกเลย ไม่สร้างกฎอะไรทั้งสิ้น อย่างแย่ที่สุดคุณก็แค่อยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนไปไหน
สิ่งที่ถูกต้องจึงสำคัญกว่า ไม่ว่าจะคิด ทำ กระบวนการ เรื่องราว เนืือหาที่ถูก ฯลฯ จะต้องเกิดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก และสภาวะเชิงบวกที่จะสร้างกฎแห่งแรงดึงดูดจึงจะนำพาคุณฟันฝ่าอุปสรรคระหว่างทางไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคุณเลือกผิดแต่แรก ไม่ว่าคุณจะมีพลังดึงดูดมากมายขนาดไหน สิ่งที่คุณจะได้รับก็คือ การดึงดูดแต่สิ่งที่ผิดพลาดล้มเหลว หรืออย่างดีก็คือ ความโชคดีบนความโชคร้ายเท่าน้้น
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on May 26, 2016 6:15:14 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 9
เมื่อสิ่งที่ถูกต้องสำคัญกว่า ตอนนี้เราจะใช้คำง่ายๆ ว่าคิดถูก การคิดถูกจึงต้องเกิดขึ้นก่อนการคิดบวกและการสร้างกฎแห่งแรงดึงดูด การคิดถูกไม่ใช่ปาฏิหาริย์หรือะไรที่เกิดขึ้นฟลุคๆ มันต้องมาจากความขยันของเรา คือขยันหาข้อมูล ขยันเรียนรู้ ช่างสังเกต เก็บข้อมูลให้มาก เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น ไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ไม่เชื่อความคิดตัวเองจนไม่ฟังใคร และไม่ตัดสินใจจากความรู้สึกและอารมณ์ ต้องตัดสินใจบนข้อมูลที่มากพอ วิเคราะห์ วิจัยพอสมควร
การคิดถูกจึงต้องมี Information ที่มากพอและการตัดสินใจที่เหมาะสม Information เราสามารถหาได้จากหลายแหล่ง ยิ่งสมัยนี้อินเตอร์เน็ทจะเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ ขณะเดียวกันต้องได้ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้ ถูกต้อง เหมาะสมมากที่สุด อย่าเชื่อข้อมูลจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง การถามก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ให้เราตั้งคำถามในหลายๆ ที่ และคัดกรองคำตอบที่เหมาะสมที่สุด การถามจากคนที่ไม่รู้เรื่องนั้นเลยไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะบางทีคนที่รู้ก็จะตอบตามประสบการณ์เดิมๆ ของเขา แต่คนที่ไม่รู้เลยจะมีโอกาสคิดนอกกรอบมากกว่า แต่อย่างไรก็อย่าปักใจเชื่อคำตอบใดคำตอบหนึ่ง
การตัดสินใจจึงต้องขึ้นกับเหตุผล ความเป็นไปได้ การวิเคราะห์ วิจัย ทดลองทำซ้ำๆในกรอบเล็กๆ เพื่อดูผล เราต้องไม่ตัดสินใจบนความรู้สึกและอารมณ์โดยเด็ดขาด เพราะความผิดพลาดและล้มเหลวโดยส่วนใหญ่เกิดจากการตัดสินใจบนความรู้สึกและอารมณ์ ซึ่งมักจะคาดเดาผลไม่ได้ ต้องลุ่้นเหมือนเล่นการพนัน และน้อยคนที่จะเอาชนะความเสี่ยงแบบนั้นได้
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jun 10, 2016 5:18:00 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 10
พลังดึงดูดทุกคนมีอยู่แล้ว และมีความสามารถเท่ากัน ขึ้นกับว่าคุณดึงดูดอะไร คนส่วนใหญ่ที่ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม จะมีพลังดึงดูดบวกและลบเท่าๆ กัน สิ่งดีๆ และร้ายๆ จึงมักเกิดขึ้นสลับกันไป ทำให้คนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือคิดว่าแค่โชคดีและโชคร้ายที่เราควบคุมไม่ได้ บางกลุ่มก็คิดว่าแค่เหตุบังเอิญ หนักกว่านั้น บางกลุ่มเมื่อเกิดเรื่องร้ายๆ จึงเอาใจจดจ่อแต่กับเรื่องร้ายๆ เฝ้าวนเวียนนึกคิด ก่นด่า เก็บกดอยู่แต่โชคร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และพบซ้ำซากว่าชีวิตฉันเจอแต่เรื่องร้ายๆ ก็เพราะคนนั้นดึงดูดแต่เรื่องร้ายเข้าหาตัวนั่นเอง
สิ่งที่เรามีจึงกำหนดสิ่งที่เราจะได้รับ ถ้าในจิตเรามีสภาวะเชิงบวก 100% เราจะได้รับสิ่งที่เป็นบวก 100% ถ้ามีบวกกับลบอย่างละครึ่ง เราจะพบกับโชคร้ายและดีสลับกันไป แต่ถ้าในจิตเรามีแต่สภาวะเชิงลบ ดูเหมือนทั้งชีวิตเราจะพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ไม่หยุดหยอน
โชคดีและโชคร้ายจึงเดินเฉียดเราตลอดเวลา เหลือแต่ว่าเราดึงดูดอะไร แค่อยากให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นจึงเป็นไปไม่ได้ แค่คิดถึงสิ่งดีๆ จึงไม่เกิดผลดีอะไร แค่มองโลกแง่ดีแล้วอะไรดีๆ จะเกิดขึ้นตามมาจึงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน สภาวะเชิงบวกเท่านั้นที่จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต และสภาวะเชิงบวกจึงดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ตัวเรามิหยุดหย่อน
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jun 21, 2016 6:36:33 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 11
เราทุกคนล้วนอยู่ในสภาพแวดล้อมของกฎแห่งแรงดึงดูด เป็นสิ่งที่น่าสนใจเมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจกฎนี้ และการปฏิบัติตัวให้สอดคล้องกับกฎ สามารถช่วยส่งเสริมกฎแห่งแรงดึงดูดให้แก่เราได้
ข้อพิสูจน์และแนวทางปฏิบัติที่สามารถยกตัวอย่างให้เราเห็นเป็นรูปธรรมได้ คือ มีเหตุบังเอิญด้านดีๆ เกิดขึ้นกับเราเสมอๆ บ่อยๆ และซ้ำๆ หากแต่คนจำนวน 43% มักไม่ใส่ใจกับมัน คนจำนวน 33%คิดว่า “ก็แค่เหตุบังเอิญ”แล้วลืมมันไปในเวลาอันรวดเร็ว คนจำนวน 23% มักจดจำและประทับใจแต่กับเหตุบังเอิญร้ายๆ เรื่องลบๆ ปรากฎการณ์แย่ๆ และพบว่าเหตุการณ์คล้ายคลึงกันนั้นวนเวียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเขาอีก ไม่รู้จบ
เหลือผู้คนอีกเพียง 1% เท่านั้นที่สนใจปรากฎการณ์ด้านบวกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เรียนรู้ เข้าใจ ทำซ้ำ และพบว่าหลังจากนั้น เหตุการณ์ดีๆ ปรากฏการณ์บวกๆ มักเกิดขึ้นกับตัวเองสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และเพิ่มเรื่องราวเนื้อหาที่ใหญ่ขึ้น สำคัญขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น และคนจำนวนนี้เท่านั้น ที่สามารถยืนยันได้ในเรื่องของกฎแห่งแรงดึงดูด เพราะว่ามันมีอยู่จริง เพียงแต่มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เรียนรู้ เข้าใจและปฏิบัติจนเกิดผลกับตัวเองซ้ำๆ สม่ำเสมอ ซึ่งเราจะพิสูจน์ให้คุณได้เห็น
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 3:34:32 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 12
เหตุบังเอิญมักเกิดขึ้นกับทุกคนในชีวิต และไม่จำกัดว่าจะเกิดในด้านดีด้านร้าย บางคนเกิดด้านดีมากกว่าร้าย บางคนได้รับทั้งด้านดีและด้านร้ายพอๆ กัน บางคนเกิดแต่ด้านร้ายไม่เว้นแต่ละวัน การที่เหตุบังเอิญหรือปรากฎการณ์ด้านบวกหรือลบจะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่นั้น ต้องอาศัยพลังจากตัวเราที่จะดึงดูดสิ่งนั้นมา เพียงแต่ว่าตอนที่มันเริ่มต้นนั้น เหมือนเราเล่นเกมส์ที่ทุกคนมีตัวละครในเกมส์เท่ากัน มีทรัพยากรเท่ากัน และมีเวลาเล่นเท่ากัน มันสำคัญที่จุดเริ่มต้นว่า เมื่อเราได้รับผลด้านใดด้านหนึ่งแล้ว เราจะเอาผลที่ได้รับนั้นมาเป็นทุนรอนต่อไปในการดึงดูดสิ่งต่างๆ สู่ตัวเราหรือไม่
คนที่ไม่ใส่ใจกับมัน ย่อมเหมือนกับคนที่แม่บ้านสำนักงานถือกาแฟมาวางตรงโต๊ะ หน้าตรงที่เรานั่งอยู่ ส่วนเราทำหน้างงๆ และปล่อยให้กาแฟแก้วนั้นวางไว้บนโต๊ะเฉยๆ และเลิกสนใจมันอีก แน่นอน ในคราวต่อๆ ไปแม่บ้านคนนั้นย่อมไม่ใส่ใจที่จะให้บริการเราอีก กาแฟที่จู่ๆ เธอจะหยิบยื่นให้ย่อมไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะคราวก่อนคุณได้แสดงท่าทีเพิกเฉยกับกาแฟที่เธอได้ส่งให้
คนที่บอกกับตัวเองว่า ก็แค่เหตุบังเอิญ ย่อมเหมือนกับคนที่รับกาแฟจากแม่บ้านสำนักงานด้วยสีหน้างงๆ แม้แต่กล่าวขอบคุณ แม้แต่พยักหน้าผงกหัว หรือกล่าวชื่นชมในสิ่งที่เธอทำก็ไม่มี คราวต่อไปถ้าคุณไม่ร้องขอกาแฟด้วยตัวเอง เธอก็จะไม่หยิบยื่นกาแฟแก้วใหม่ให้แก่คุณอย่างเด็ดขาด
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 3:35:20 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 13
คนที่จดจำและประทับใจแต่เหตุการณ์ร้ายๆ เรื่องลบๆ ประสบการณ์แย่ๆ เอ็ดตะโร ดุด่า ตำหนิติเตียนทุกอย่างรอบตัว หรือแม้กับกาแฟแก้วเดียวที่แม่บ้านหยิบยื่นให้ แน่นอนว่าคราวหน้าคุณอาจได้กินกาแฟใส่เกลือ หรือถูกแม่บ้านตะเพิดไล่เอาด้วยซ้ำไป
คนที่สนใจปรากฎการณ์ด้านบวก เหมือนแม่บ้านสำนักงานยื่นกาแฟให้คุณ คุณรับด้วยความสดชื่น กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ และเมื่อจิบกาแฟแก้วนั้นแล้วไม่วายกล่าวชื่นชมรสชาติที่กลมกล่อมที่แม่บ้าน คนนั้นได้บรรจงทำขึ้นมาให้แก่คุณ เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยรอยยิ้ม และพยักหน้าผงกหัวอย่างมีความสุข แน่นอนว่า คุณย่อมเป็นคนเพียง 1% ที่แม่บ้านคนนั้นตั้งหน้าตั้งตารอ และกุลีกุจอวิ่งไปชงกาแฟหลังสำนักงานอย่างเร็วในวินาทีที่เพียงแต่เห็นคุณ ก้าวเดินมาในสำนักงาน และพร้อมกับที่คุณหย่อนก้นตรงเก้าอี้ กาแฟอุ่นๆ หอมฉุยและใช้ฝีมือความตั้งใจที่มากขึ้นกว่าคราวก่อนของแม่บ้าน ได้วางลงพร้อมกันด้วยรอยยิ้มแช่มชื่น แถมพร้อมด้วยขนมชิ้นเล็กๆ แสนอร่อยที่แม่บ้านกันไว้เป็นพิเศษให้แก่คุณ
เห็นมั้ยว่ากฎแห่งแรงดึงดูดไม่ใช่เรื่องอะไรที่เหลือเชื่อ ไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนเข้าใจยาก หรือใครบางคนจะเห็นเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เพียงแต่คุณทำความเข้าใจกับธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ คนย่อมสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับที่มีอยู่นี้ได้จริง และเริ่มต้นเป็นนายของกฎแห่งแรงดึงดูด เพื่อได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างไม่รู้จบด้วยตัวคุณเอง
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 3:36:19 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 14
วิธีพิสูจน์ง่ายๆ ว่ากฎแห่งแรงดึงดูดนั้นมีอยู่จริงด้วยการสังเกตเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นกับ เราในชีวิต และถามตัวเองว่า เวลาสิ่งเหล่านั้นเกิดกับเรา เรามักตีความไปในทางไหน คือ 1. ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย 2. คิดว่าก็แค่เรื่องบังเอิญ 3. แทนที่จะชื่นชมกับเรื่องบังเอิญด้านดีๆ กลับไปเสียใจ คร่ำครวญ หงุดหงิดกับเหตุบังเอิญด้านร้ายๆ หรือ 4. คุณขอบคุณ ชื่นชม และรอคอยเหตุการณ์ดีๆ แบบนั้นให้เกิดกับคุณอีก
สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ รับรองได้ว่า ทุกข้อต้องเคยเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิตแน่ๆ แต่หลังจากนั้นมันจะเกิดขึ้นอีกบ่อยๆ หรือซ้ำๆ ขึ้นกับว่าคุณทำตัวเป็นคนที่คิดในแบบข้อที่ 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4 ทางด้านบน
1. คุณเคยเห็นเงินใครไม่รู้หล่นอยู่ที่พื้นบนฟุตบาธ และไม่มีใครยืนอยู่แถวนั้นเลย
2. คุณกำลังฮัมเพลงที่ชื่นชอบอยู่ ซึ่งพ้นเวลาฮิตในช่วงเวลานั้นไปนานแล้ว อีกไม่เกินนาที ปรากฏว่า คนที่ผ่านมาหรือสถานที่ที่คุณแวะไป ฮัมเพลงหรือเปิดเพลงเดียวกันอยู่พอดี
3. คุณเดินทางไปยังสถานที่หนึ่งที่ไม่คุ้นเคย ระหว่างทางนึกอยากกินอาหารบางอย่าง และในวินาทีนั้นเอง ร้านอาหารที่ติดป้ายตัวเบ้อเริ่มว่า ขายอาหารที่คุณกำลังอยากจะกิน ก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าพอดี
4. คุณกำลังนึกถึงใครอยู่ที่ไม่ได้ติดต่อกันพักใหญ่แล้ว หรือบางครั้งกำลังหยิบโทรศัพท์จะโทรหาคนนั้นพอดี ปรากฏว่ามีสายเรียกเข้ามาและเป็นสายจากเขา
5. จู่ๆ มีคนมาเสนองาน เสนอเงิน เสนอโอกาสดีๆ ในชีวิตให้ จนคุณต้องถามตัวเองในใจว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือนี่
6. คุณกำลังนึกว่า วันนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆ หรือเรื่องขำๆ เกิดขึ้นบ้าง แล้ววันนั้นคำถามของคุณที่คิดในใจก็เกิดขึ้นจริงๆ อย่างใจนึก
7. คุณพบว่าเงินที่คุณเก็บซ่อนไว้ หรือวางไว้ตรงไหนสักแห่ง มันหายไปเฉยๆ
8. คุณกำลังอารมณ์เสียเพราะอะไรบางอย่าง และพบว่า คนที่เดินผ่านมากำลังทำหน้าหงุดหงิดและบ่นด่าอะไรบางอย่างไปด้วย หรือสถานที่ที่คุณไป มีคนกำลังทะเลาะกันอยู่
9. คุณเกิดอุบัติเหตุขึ้นขณะเดินทาง
10. คุณกำลังนึกตำหนิใครอยู่ในใจ และปรากฏว่าเขาโทรเข้ามาหาคุณพอดี
11. งาน เงิน และโอกาสดีๆ ในชีวิตของคุณ มันถูกเอาไปหรือพังทลายลงเฉยๆ แบบคุณงงๆ
12. คุณกำลังวิตกกังวลว่า วันนี้จะมีเรื่องแย่ๆ ร้ายๆ อะไรเกิดกับฉันอีก แล้ววันนั้น เรื่องแย่ๆ ร้ายๆ ก็เกิดขึ้นมาจริงๆ
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 3:38:05 GMT
Mind of Attraction จิตแห่งแรงดึงดูด
ตอน 15
คุณจะพบว่า ปรากฎการณ์ทั้ง 12 ข้อนี้ เคยเกิดกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ข้อละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย แต่หลังจากนั้นสิ มันจะเกิดขึ้นกับคุณซ้ำๆ ด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ขึ้นกับคุณที่จะดึงดูดให้มันเกิดขึ้นอีกหรือไม่ คนจำนวน 43% ไม่ใส่ใจกับมันอีก และพบว่าเหตุบังเอิญเหล่านั้นมักไม่เกิดอีกเช่นกันทั้งด้านดีด้านร้าย นี่ก็เป็นแรงดึงดูดอีกเช่นกัน เป็นการดึงดูดสิ่งที่เรียกว่าไม่โชคดีไม่โชคร้าย เพราะเมื่อคุณไม่ใส่ใจกับมันไม่ว่าจะด้านใด คุณจึงหวังพึ่งแต่ผลงานและฝีมือของตัวเองเท่านั้น ซึ่งบางครั้งคุณพบว่า ชีวิตของคุณเหนื่อยมาก เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ บางคนที่ชีวิตดูสบายๆ ไม่ต้องต่อสู้ ไม่ต้องดิ้นรนมาก แต่มีมากกว่า เหนือกว่า และดีกว่าคุณในทุกๆ ด้าน
คนจำนวน 33% บอกกับตัวเองว่า ก็แค่เหตุบังเอิญ จึงขึ้นกับว่า เขามักรู้สึกพึงพอใจกับเหตุบังเอิญด้านบวกหรือไม่ หรือคร่ำครวญ หงุดหงิด อารมณ์เสีย อาลัยอาวรณ์กับเหตุบังเอิญด้านลบๆ ถ้าเขามีจิตโน้มเอียงไปด้านบวก จะพบว่าเหตุบังเอิญดีๆ ยังจะเกิดในชีวิตเขาอยู่เรื่อยๆ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขามีจิตโน้มเอียงไปด้านลบ เหตุบังเอิญด้านร้ายๆ ลบๆ แย่ๆ ก็จะเกิดขึ้นกับขำสม่ำเสมอ
คนจำนวน 23% ไปคร่ำครวญ ตีโพยตีพาย หงุดหงิด โมโห และมีสมาธิอยู่กับแต่เหตุการณ์ด้านร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง รวมถึงการวิตกกังวลอนาคตที่ยังไม่เกิด คาดการณ์แต่สิ่งที่เป็นเรื่องร้ายๆ และพบว่า ชีวิตของคนนั้น มีแต่เรื่อง มีแต่ปัญหา มีแต่สิ่งรบกวนจิตใจ มีแต่เหตุการณ์ร้ายๆ ความสูญเสียและเสียหายรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน
|
|