|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 3:38:54 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 16
ความจริงในทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ได้ สะสารอย่างเดียวกัน ความถ่วงจำเพาะใกล้เคียงกัน ความสามารถในการดูดซึมคล้ายกัน คุณสมบัติในการดูดและคายสี กลิ่น ความร้อนพอๆ กัน เมื่อเข้าไปอยู่ในที่รวมกัน และผ่านกระบวนการร่อน แยก หรือแขวนลอยในน้ำ สิ่งที่คล้ายคลึงกันนั้นย่อมจะไปรวมในที่เดียวกันเสมอ
เศษดินและหินทั้งหลายนั้นไม่อาจปรับเปลี่ยนตัวเองได้ ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำจากผู้อื่นอยู่ร่ำไป เขาอยากให้เล็กก็ทุบเอา อยากให้ใหญ่ก็ใช้น้ำเอามาปั้น ไม่มีปัญญาความสามารถหรือศักยภาพจะชี้นำหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่มนุษย์นั้นมีศักยภาพในการชี้นำและเปลียนแปลงตัวเองได้ทุกคน เราจึงมีสิทธิเลือกที่จะเป็นและไม่เป็นอะไร ในขณะเดียวกันย่อมมีสิทธิเลือกที่จะดึงดูดและไม่ดึงดูดอะไร ถ้าเราปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรม ย่อมเหมือนดินหินทรายที่ช่วยเหลือเปลียนแปลงตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อเราไม่ใช่ดินหินทราย เราจึงสามารถช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตลอดเวลาและทุกเมื่อ เพียงแต่ว่าเราเชื่อมั่นในตัวเองหรือไม่ และมีความมุ่งมั่นที่จะลงมือมากน้อยเพียงใด
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 4:04:58 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 17 คุณคือคน 1% ที่เหลือรอดมาหรือไม่ ตอบสิตอบ มั่นใจตัวเองแค่ไหนว่าคุณคือ 1% ที่เหลือรอดมา ตอบในใจนะครับ ตอบแล้วใช่ไหม และคำตอบนี้มีโอกาสถูกน้อยมาก ก็เพราะมันแค่ 1 ในร้อย มีคนเพียง 1 % ที่จดจำแต่เรื่องดีๆ และรับเอาความสุขที่จะได้รับจากพรสวรรค์ข้อนี้มิหยุดหย่อน เมื่อได้รับแล้วคนเหล่านี้น้อยคนมากจะคิดออกไปแสวงหาอะไรอีก ก็ฉันโชคดีซ้ำๆ ฉันมีความสุขตลอด ฉันประสบความสำเร็จเสมอมา แล้วจะต้องไปสนใจอะไรอีก
จริงๆ นะ คน 1% จะเป็นแบบนี้ คนเหล่านี้จะไม่จดจำเรื่องจิ๊บจ๊อย ความติดขัด ความไม่ราบรื่น เขาจะมองมันผ่านไปหมด เขาจึงเป็นคนเพียง 1% ที่เห็นแต่สิ่งดีๆ จดจำแต่เรื่องน่าสนุก ควรยินดี และที่สบายใจ และเขาจะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีอุปสรรคอะไรมาขัดขวาง และไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอะไรคือแรงดึงดูด ดูดอะไร มีประโยชน์ยังไง เพราะเขาทำมันได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว คนอีก 99% ที่รู้สึกว่าชีวิตมีปัญหาต่างหาก ที่จะต้องมาศึกษา และทำชีวิตให้เป็นแบบคน 1% ให้ได้
เพระชีวิตที่ปราศจากอุปสรรคนั้นไม่มี การกระทำหรือเดินทางที่ไร้สิ่งกีดขวางมันเป็นไปไม่ได้ แต่คน 1 % ที่เหลือ เขาตระเตรียมตัวเองเผื่อว่าจะเจออุปสรรค บรรทุกยางอะไหล่ไปด้วย และไม่เริงร่าอย่างไร้เหตุผล ยางแตกก็เปลี่ยน อย่าเสียเวลาโมโหกับตะปูแท่งหนึ่ง เจอหลุมบ่อก็ระวังมากขึ้น อย่าหงุดหงิดกับเสียงโครมใต้ท้องรถ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ทิ้งอารมณ์ไว้ตรงนั้น จงทำให้ได้อย่างธรรมชาติและเป็นอัตโนมัติ แล้วคุณจะกลายเป็น 1 % นั้น
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 4:26:46 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 18
อย่าคิดอะไรซับซ้อน เพราะสภาวะเชิงบวกต้องการความเรียบง่าย เมื่อซับซ้อนก็ไม่บวก ความจริงมันไม่มีอะไรยุ่งยากเลย เพราะโลกนี้เอาจริงๆ ก็มีของแค่ 2 สิ่งเท่านั้น คือหยินกับหยาง กรดกับด่าง ซ้ายกับขวา หญิงกับชาย มืดกับสว่าง ตายกับเป็น สุขกับทุกข์ สำเร็จกับไม่สำเร็จ และบวกกับลบเท่านั้น
ธรรมชาติของจิตใจคุณเป็นบวกหรือลบกันล่ะ ไม่เอาคำตอบแบบ บางทีก็ดีใจหายบางทีก็ร้ายอะไรแบบนี้นะ มันเป็นคำตอบที่หาสาระไม่ได้ เพราะมันคือการที่คุณคุมจิตตัวเองไม่ได้ คือใจไม่นิ่ง คนใจไม่นิ่งก็ย่อมพบแต่ความทุกข์และความล้มเหลวในบั้นปลาย เราต้องการคนที่ธรรมชาติของจิตมีสภาวะเชิงบวกมากๆ และยิ่งสภาวะเชิงบวกมาก จึงเป็นจิตแห่งแรงดึงดูดมากที่สุดตามไปด้วย
ใจนิ่งจึงไม่พอ เพราะใจนิ่งหมายถึงเพียงว่าคุณควบคุมม้าตัวหนึ่งได้ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะบังคับกระตุ้นให้ม้าพาคุณไปที่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะคุณอาจสั่งให้ใจที่นิ่งควบขี่พาคุณไปตกเหวได้ง่ายๆ คุณจึงต้องควบคุมจิตให้นิ่งและต้องนำพาแต่สภาวะเชิงบวกเท่านั้น จึงจะเกิดประโยชน์และควบขี่พาไปสู่เป้าหมายชีวิตที่สวยงามได้อย่างแท้จริง
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 6:06:33 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 19
โน๊ส อุดม แต่พานิช เคยเล่าเรื่องหนึ่งให้ผมฟัง ซึ่งจะเชื่อมโยงกับจิตแห่งแรงดึงดูดได้ ในครั้งหนึ่งที่เขามารักษาโรคกลัวชนิดหนึ่ง โน๊สเล่าว่า เป็นเด็กบ้านนอกอยู่ชลบุรี ที่บ้านมีบ่อน้ำบาดาลที่ใช้กิน อาบ ใช้ทำอะไรต่อมิอะไรตั้งแต่เกิดก็เห็นแล้ว วันหนึ่งน้ำไม่ไหล ผู้ใหญ่ชวนกันเปิดฝาบ่อเพื่อตรวจสอบปัญหา โน๊สที่อายุใกล้ๆจะวัยรุ่นประมาณ 14-15 ปี มาช่วยดันฝาบ่อด้วย เปิดแล้วมองลงไปมันมืด จึงเอาไฟฉายมาส่อง ก็พบว่าตลอดผนังด้านในของบ่อมีแต่แมลงสาบเกาะกันเนืองแน่นไปหมด หาที่ว่างไม่เจอ ตั้งแต่วันนั้น ภาพแมลงสาบในบ่อก็ตามหลอกหลอน ทำให้หวาดผวาและเกลียดกลัวแมลงสาบอย่างยิ่ง
น่าสนใจตรงที่ว่า โน๊สบอกว่า "แปลกนะอาจารย์ เวลาเรากลัวอะไรเรากลับต้องเจอมันอยู่เรื่อยๆ แบบไม่น่าจะเจอ" พร้อมเล่าเหตุการณ์บ่อยครั้งที่ต้องเผชิญซึ่งๆ หน้ากับแมลงสาบ หลายครั้งที่เจอกันแบบตัวต่อตัว เกือบเอาชีวิตไม่รอด เช่น ครั้งหนึ่งจอดรถคุยโทรศัพท์ คุยนานจึงดับเครื่องรถแล้วก็ร้อน จึงเปิดแง้มกระจกข้างไว้ 2-3 เซ็นต์ ทันทีที่แง้มกระจกก็มีแมลงสาบตัวเขื่องบินผ่านช่องที่แง้มนั้นไว้เกือบจะทันที เจอกันตัวต่อตัวแบบนี้โน๊สเกือบเอาชีวิตไม่รอดทีเดียว
อีกหนที่เดินไปบนทางเท้ากับเพื่อนๆ 5-6 คน เห็นฝาท่อระบายน้ำอยู่ไกลๆ แมลงสาบตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา และตั้งใจวิ่งตรงมาที่โน๊ส เหมือนใครสักคนสั่งให้ทำ หรือโผล่ขึ้นมาก็เป็นเป้าหมายชีวิตเลยที่จะต้องวิ่งมาให้ถึงตัวโน๊สให้ได้ ปรากฎการณ์ทำนองนี้ยังมีอีกมาก
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 9:14:17 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 20
เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ที่กลัวเข็มฉีดยา และที่ดร.ภาคินได้รักษาผ่านรายการทูไนท์โชว์ ด้วยการกล่อมเกลาจิตใต้สำนึกกระทั่งเอกพันธ์สามารถจับเข็มฉีดยาได้ ความกลัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง เล่าว่าทุกวันที่มีโอกาสไปไหว้พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะขอเสมอว่าอย่าให้ได้เจอเข็ม เพราะกลัวมากๆ
กระรอกน้อย ศุภนัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ ดารานักร้องชื่อดัง ผู้ชนะเลิศการประกวด AF2 ที่มารักษาโรคกลัวเวทีกับดร.ภาคิน บอกว่าครั้งหนึ่งที่ต้องเตรียมตัวขึ้นเวที จะมีอาการเครียดจนอาเจียน หลังจากนั้นเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกัน ความกังวลเดิมๆ จะกลับมา กลัวว่าจะเครียดจนอาเจียน และแล้วก็จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกครั้ง บ่อยๆ จนทนไม่ไหว
คนไข้สาวคนหนึ่งที่มารักษาโรคกลัวจิ้งจกเป็นครั้งแรกกับดร.ภาคิน เมื่อเธอจะกลับบ้าน เดินออกไปที่หน้าคลินิกดร.ภาคิน พบว่า แมวสาวตัวหนึ่ง(ซึ่งดร.ภาคินเลี้ยงไว้และใช้ชีวิตป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนั้น) คาบเอาจิ้งจก 1 ตัว มาวางไว้ที่รองเท้าคนไข้สาวรายนั้น พร้อมทั้งนั่งพับเพียบอย่างสวยงามและมองหน้าเธอ แต่เมื่อเธอเห็นภาพนี้และกรีดร้อง เจ้าแมวเลยเดินหนีไป เหตุการณ์เหล่านี้บอกอะไรกับเรา
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 9:26:37 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 21
เหตุการณ์ของคำจำกัดความที่ว่า กลัว เกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้น เป็นเพราะว่าคนเหล่านั้นคิดถึงสิ่งที่เกลียดกลัวตลอดเวลา วนเวียนอยุ่ในจิตทุกลมหายใจ ทั้งตื่นและหลับ อย่าไม่ลดละ ไม่สงสัยในความเชื่อนั้นว่า เอ๊ะ ฉันจะกลัวไปทำไม เปล่าเลย มีแต่ความรู้สึกว่า ฉันกลัวเจ้าสิ่งนั้น ฉันกลัว ฉันกลัว ฉันกลัว นั่นแหละคือตัวอย่างของสภาวะเชิงลบที่เราสร้างขึ้นด้วยตัวเองโดยสมบูรณ์ และกฎแห่งแรงดึงดูดจึงเรียกสิ่งนั้นมาซ้ำๆ สม่ำเสมอ
เมื่อคุณกลัวอะไรสักอย่าง ที่เรียกว่ากลัวรนราน หรือเกลียดอะไรสักอย่างจนเข้ากระดูกดำ ความกลัวและเกลียดนั้นจะวนเวียนอยู่ในจิตของเราทุกลมหายใจ เวลาหลับไปยังฝันร้ายแต่เรื่องนั้นๆ และเราจะกลัวและเกลียดอย่างนั้นอย่างไม่รู้เหน็จเหนื่อย บางทีสมาธิเราจะดีมากกับเฉพาะเรื่องที่เกลียดและกลัว และเราจะไม่เคยสงสัยตัวเองในความกลัวและเกลียดที่เกิดขึ้น และพบว่า วันเวลาที่ผ่านมา ยิ่งนานจะยิ่งเพาะบ่มความกลัวและเกลียดให้เพิ่มมากขึ้น
ในทางตรงข้าม เราจะทำอย่างไรให้ความรู้สึกด้านบวกอยู่กับเรา"ทุกลมหายใจ" "ทั้งตื่นและหลับ" "อย่างไม่ลดละ" และ "ไม่สงสัยในความเชื่อนั้น" โดยจะแกล้งเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ แกล้งไม่สงสัยก็ไม่ได้ การสร้างสภาวะเชิงบวกจึงเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลามากที่สุด สำหรับบางคนอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตของด้วยซ้ำ
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 9:37:03 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 22
อยากประสบความสำเร็จต้องเปลี่ยนตัวเอง อยากเปลี่ยนตัวเองต้องเริ่มทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่เหมือนเดิม อยากกล้าทำสิ่งใหม่ๆ ต้องเปลี่ยนจิตใต้สำนึกตัวเองให้ได้ก่อน เพราะจะเป็นการเปลี่ยนนิสัยของเรา และการเปลี่ยนนิสัยง่ายกว่าการฝืน แสร้งทำ อดทน กดดัน ทุรนทุราย ฯลฯ
อยากให้ชีวิตของเราดีขึ้น แต่ไม่คิดทำอะไรใหม่ๆ เลย จงโง่ จน และเจ็บอย่างนั้นไปเรื่อยๆ อยากเปลี่ยนตัวเอง แต่ใจไม่ถึง ไปไม่สุด เป็นห่วงและอาวรตัวตนเดิมๆ จงฝันลมๆ แล้งๆ ไปเรื่อยๆ และตายไปกับจินตนาการนั้นอย่างไร้ค่า อยากเปลี่ยนตัวเอง แต่ใช้กระบวนฝึน แสร้งทำ อดทน กดดัน ทุรนทุราย คนส่วนใหญ่เลิกล้มไปก่อนที่จะได้จับต้องอะไรเป็นรูปธรรม การเปลี่ยนจิตใต้สำนึกเพื่อเปลี่ยนนิสัยจึงเป็นทางลัดที่สุด
เริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองง่ายๆ โดยอย่าใส่ใจกับปัญหาเล็กน้อย อย่าโกรธนาน อย่าวุ่นวายอยู่แต่เรื่องเศร้าๆ หรือกระแสด้านลบ ทำตัวให้ร่าเริงสนุกสนานเบิกบานใจมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ และระลึกเสมอว่า เมื่อไหร่ที่คุณนึกถึงอุปสรรคและความยากลำบาก แปลว่าคุณยังอยู่ห่างไกลสภาวะเชิงบวกหลายปีแสง
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 10:29:02 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 23
ความรู้สึกขอบคุณและชื่นชมสิ่งดีๆ ที่ได้รับเป็นอีกพฤติกรรมที่เราควรทำซ้ำๆ จากใจจริง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนหรือต้องเอาอะไรแลกมา เพราะเมื่อเป็นเรื่องดีๆ เราย่อมต้องขอบคุณและชื่นชม จำเรื่องแม่บ้านเสริฟกาแฟได้ไหม เมื่อเราขอบคุณและชื่นชมกาแฟแก้วนั้น คราวหน้าเราจะได้มันอีก
อย่าบอกกับตัวเอง ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วล้วนเป็นเรื่องดีทั้งนั้น ไม่เอาสิ เรารับแต่สิ่งดีๆ เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นแล้วให้ลืมอย่างเร็ว เพราะการไปนึกถึงมากเท่ากับไปเรียกมาอีก การบอกว่าดีแล้วเท่ากับเรียกมาอีก ถ้าอยากให้เกิดแต่เรื่องดีๆ จงชื่นชมยินดีแต่เรื่องดีๆ และทิ้งเรื่องร้ายๆ ออกจากความทรงจำให้เร็วที่สุด
เราจึงขอบคุณที่สิ่งนั้นเกิดขึ้น ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ที่กำลังเกิดขึ้น และที่จะเกิดขึ้นอีก เพื่อตอกย้ำ ซ้ำๆ ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่จะต้องการ สิ่งนี้คือสิ่งที่ฉันปรารถนา สิ่งนี้คือสิ่งที่ฉันเฝ้ารอ สิ่งนี้คือสิ่งที่ฉันเรียกหา สิ่งนี้คือสิ่งที่ฉันพูดถึง และไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากนี้อีกแล้ว ผิดจากนี้ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Jul 2, 2016 10:32:06 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 24
สิ่งใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นกับเราในครั้งแรก เป็นเพราะเราไม่รู้ แต่ถ้ามันเกิดอีกเป็นเพราะเราดึงดูดสิ่งนั้นมา ถ้าโชคร้ายกระเป๋าตังค์หาย และคร่ำครวญอยู่กับแต่ปัญหา บ่นแต่เรื่องร้ายๆ พูดให้ทุกคนฟัง แถมยังเอามานึกคิดทั้งก่อนนอนและตื่นนอน เท่ากับการนึกถึงสิ่งนั้นทุกลมหายใจ และเหตุการณ์ร้ายๆ จะเกิดขึ้นกับเราอีก อาจเป็นกระเป๋าตังค์หายอีกครั้ง หรือไม่สิ เพราะคุณบ่นว่าซวยจัง ซวยจัง เรื่องซวยๆ ไม่จำกัดประเภทก็จะเกิดกับคุณ
ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่า คุณตอบสนองต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราอย่างไร ความจริงมันเป็นจิตวิทยาพื้นๆ เช่น คุณไปตลาดและเกิดไปไขว้กับแม่ค้า โดนด่าให้อาย คุณเก็บเอาความเจ็บแค้นมานึกมาคิด คืนแล้วคืนเล่า วันแล้ววันเล่า ผลคือทุกครั้งที่นึกมันปวดหัวใจ นานวันยิ่งทำให้นอนหลับยากและตื่นมางัวเงียอารมณ์ขุ้นมัว
แม่ค้าด่าคุณหนเดียว แต่คุณปล่อยให้อารมณ์สร้างสภาวะเชิงลบทุกวัน สร้างอานุภาพประหนึ่งแม่ค้ารอด่าคุณทุกครั้งที่ตื่นและจะหลับ กลายเป็นรู้สึกเหมือนโดนแม่ค้าด่าวันละสองเวลา จนกลายเป็นทำให้อารมณ์เสียง่าย หงุดหงิดกับทุกอย่างแม้เรื่องเล็กน้อย คนอดนอนและอารมณ์ขุ่นมัวย่อมทำอะไรผิดพลาดได้ง่าย หลงลืม ป้ำเป๋อ เครียดหนักเข้าเลยกลายเป็นหวาดวิตก ท้อแท้ ซึมเศร้า กระเพาะแปรปรวน ส่งผลให้เป็นภูมิแพ้ แถมมะเร็งเข้าไปอีก และตายอย่างน่าสงสาร
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Aug 20, 2016 4:23:49 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 25
สมมุติว่าบ้านคุณเป็นเรือนไทยโบราณ หันหน้าติดท่าน้ำ มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านหน้าบ้าน แม่น้ำสายนี้มีน้ำไหลผ่านทั้งปีและคุณไม่สามารถควบคุมมันได้ว่า เมื่อไหร่น้ำหลาก เมื่อไหร่น้ำแล้ง ตอนไหนมีแต่น้ำใสไหลเย็น และช่วงเวลาไหนมีแต่น้ำขุ่นมัวหรือแม้แต่มีสวะหรือหมาเน่าลอยมา เปรียบเหมือนชีวิตมนุษย์ทุกคนที่มีทั้งโชคดีและโชคร้ายไหลผ่านป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเรา และเราควบคุมมันไม่ได้
เราควบคุมได้อย่างเดียงเท่านั้น คือควบคุมว่าจะรับเอาสิ่งใดไว้ เหมือนน้ำที่ไหลผ่านท่าน้ำหน้าบ้าน คุณถือกระบวนอันหนึ่งคอยตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็ม สักแต่ตักไปเถิดอย่าเสียเวลาเพ่งพินิจพิจารณามาก ใช้สายตากะๆเอา ตอนไหนน้ำใส่ก็รีบตัก ตอนไหนน้ำขุ่นหรือมีมหาเน่าลอยมาก็ปล่อยให้มันลอยผ่านไปก่อน อย่าไปยุ่งอย่าไปข้องแวะหรือเสียอารมณ์กับการรอคอยให้สิ่งร้ายๆ ผ่านพ้นไป ตักน้ำให้ได้ไวๆ ทำได้อย่างนี้สักพักเดียวน้ำในตุ่มก็เต็มเอามาใช้อาบกินได้ แต่หากเรามัวแต่เสียเวลาจับจ้อง เสียอารมณ์ หงุดหงิดก่นด่าอารมณ์เสียกับแต่สภาวะเชิงลบที่กำลังผ่านไป พอถึงคราวน้ำลดก้มหน้าลงอีกทีตุ่มก็ไม่มีน้ำให้อาบให้กินอยู่ดี
เปรียบเทียบการตักน้ำกับการดึงดูดเอาสิ่งดีๆ เข้าใว้ กระบวยต้องสะอาด คือใจต้องใสอยู่เสมอ จึงจะรับเอาน้ำใสๆ หรือสภาวะเชิงบวกเข้ามาได้ดี ถ้ากระบวยไม่สะอาดก็ไม่มีวันจะได้รับน้ำใสๆมาไว้ในใจได้ ใจจึงต้องใสก่อน ฝึกทำจิตใจให้มีแต่สภาวะเชิงบวกให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Aug 20, 2016 5:05:24 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 26
แก้วขุ่นน้ำใส น้ำนั้นดื่มไมไ่ด้ แก้วใสน้ำขุ่น น้ำนั้นไม่น่าดื่ม แก้วขุ่นน้ำขุ่น ยิ่งดื่มไมได้ใหญ่เลย แก้วใสน้ำใสเท่านั้นจึงดื่มได้ หมายถึงการสร้างสภาวะเชิงบวกจนเกิดการดึงดูดแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตไม่ใช่เรื่องงาน ต้องขัดเกลาจิตใจให้แจ่มใสเสมอจึงสามารถดึงดูดสภาวะเชิงบวกไว้ได้
แม้ว่าเราจะมีสภาวะเชิงบวกในจิตแล้ว ใช้ว่าเหตุร้ายๆ ลบๆ จะไม่เกิดกับเรา มันยังเกิดอยู่ครับ เพียงแต่ถ้าเป็นเรื่องน้อยๆ เล็กๆ มันก็จะผ่านไปไม่ระคายเคืองจิตของเรา และหากมันเป็นเรื่องใหญ่ก็จะบรรเทาให้หนักเป็นเบาและอาจระคายเคืองทำให้จิตที่ใสของเราขุ่นมัวบ้าง ก็ต้องใช้เวลาขัดเกลาจิตเหมือนล้างแก้วให้กลับมาใสไร้ที่ติใหม่หลังการใช้งานหนัก แต่จะทำให้กลับคืนความใสได้ง่ายและเร็วกว่าปกติ
อาจเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า ตลอด 24 ชั่วโมงของเรา โอกาสที่จะเกิดสภาวะใจใสและสภาวะเชิงบวกวิ่งเข้ามาพอดีก็มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น มิได้เกิดขึ้นตลอดเวลา ที่เหลือแม้ใจกำลังใสอยู่ก็อาจเป็นช่วงที่สภาวะเชิงลบกำลังมา และบางช่วงที่สภาวะเชิงบวกวิ่งเข้ามาแต่ใจเรากำลังลบอยู่ และเช่นกัน ในขณะที่ใจเรากำลังลบอยู่ สภาวะเชิงลบก็วิ่งมาซ้ำเติมเข้าพอดี การฝึกจิตให้เป็นสภาวะเชิงบวกอยู่เสมอจึงเป็นงานหนัก ต้องใช้ความเพียรมุ่งมั่นบากบั่น ไม่ใช่ของง่าย จึงไม่ใช่ว่าแค่คิดบวกแล้วอะไรๆ มันก็จะบวกไปหมด คนส่วนใหญ่จึงไม่สำเร็จในการปฏิบัติกฎแห่งแรงดึงดูดและเห็นว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องเหลวไหล
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Aug 20, 2016 5:15:56 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 27
คนที่ยังคงทำอะไรเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลงวิธี แล้วหวังว่าจะเกิดสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นเพียงคนโง่ คนที่ยังคงคิดและเชื่อแบบเดิมๆ แล้วหวังว่าจะเกิดสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นเพียงคนปัญญาอ่อน คนที่ไม่ทุ่มเทไม่พากเพียรแล้วหวังว่าจะเกิดผลงานขั้นเทพจึงเป็นเพียงคนไร้สาระ
ถ้าอยากเป็นคนเก่งคุณจะเก่งพอๆ กับเพื่อนๆ ไม่ได้ คุณจะทำอะไรเหมือนๆ ที่คนส่วนใหญ่ทำแล้วหวังว่าผลจะออกมาเลิศเลอไม่ได้ โลกใบนี้คนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ ถ้าคุณคิดพูดทำแบบคนส่วนใหญ่รับรองได้ว่าคุณไม่มีวันพบกับความสุขและความสำเร็จ เพราะสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดพูดทำนั้น มันมุ่งหน้าไปสู่ความว่างเปล่าหรือไม่ก็หายนะ
การเปลี่ยนแปลงตัวเองจึงต้องลงไปเปลี่ยนในระดับจิตใต้สำนึก แค่พูดทำความเข้าใจตัวเองและหวังว่าชีวิต นิสัย ทัศนคติและพฤติกรรมของฉันมันจะเปลี่ยนย่อมเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน คุณจึงต้องเข้าใจและเรียนรู้กระบวนการจิตใต้สำนึกอย่างถ่องแท้เดี๋ยวนี้ เพราะคุณไม่มีเวลาลองถูกลองผิดอีกแล้ว
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Aug 29, 2016 5:43:10 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 28
การสร้างสภาวะเชิงบวกที่ได้ผลเราอาจพิสูจน์ด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยการวัดชีพจรของเราว่าหัวใจเต้นกี่ครั้งใน 1 นาที 80 ครั้งขึ้นไปจัดอยู่ในกลุ่ม Beta 70-79 อยู่ในกลุ่ม Alpha 60-69 ครั้งคือ Theta และ 50-59 ครั้งคือ Delta เราพิสูจน์เฉพาะกรณีที่คนนั้นไม่มีอาการเจ็บป่วยทางกาย หรือมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
กลุ่ม Beta คือพวกใกล้บ้าหรือบ้าไปแล้ว มีสภาวะจิตของคนที่พร้อมจะคุ้มคลั่ง Alpha เป็นจิตของคนส่วนใหญ่ สิ่งคุ้มดีคุ้มร้าย พร้อมจะถูกกระตุ้นให้เป็นทางใดทางหนึ่งได้อย่างง่ายดาย Theta เป็นจิตที่แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้านหนึ่งคือคนที่มีจิตสงบ อีกด้านคือค้นที่มีสภาวะเฉื่อย ส่วน Delta เป็นจิตของคนที่สงบมาก พระที่จิตสงบนิ่ง คนที่จิตใจเข้มแข็งมั่นคงมาก สภาวะร่างกายจิตใจเข้มแข็งสมบูรณ์
ความจริงแล้วในระดับ Meta physic ยังมีอีก 2 สภาวะจิตคือ Gamma และ Cosmic ซึ่งเป็นระดับที่ยุ่งเหยิงมากและสงบราบเรียบมากจนแทบจะไม่มีใครมีสภาวะจิตอย่างนั้นได้ เราจึงจะพูดถึงแต่เฉพาะกลุ่มสามัญทั่วไปคือ Beta Alpha Theta และ Delta
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Aug 29, 2016 5:45:00 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 29
นิสัยและพฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตไม่ดีขึ้น ไร้ความสุขและเป็นสภาาวะเชิงลบ เช่น หลับยาก เครียดง่าย ขี้โมโห ใจร้อน ชอบกดดันตัวเอง ชอบคาดหวังคนอื่น ตื่นเต้นเสมอ วิตกตลอดเวลา ท้อแท้หดหู่ง่าย สมาธิไม่ดี จิงจังมากเกินไป จู้จี้จุกจิก เจ้ากี้เจ้าการ เจ้าหลักการ อาฆาตมาดร้าย สุดโต่ง กระวนกระวาย ทุรนทุราย ฟูมฟาย ย้ำคิดย้ำทำ มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ฉี่รดที่นอน กังวลเป็นเนืองนิตย์ หงุดหงิดอยู่เสมอ ซึมเศร้า เหงาเสมอ เซ่อซ่า ท่ามาก ปาก(ไม่ดี/ ร้าย/ หนัก/ เบา ฯลฯ)
จงสำรวจตัวเองว่าเรามีสภาวะเชิงลบมากหรือน้อย แต่ละข้ออยู่ในดีกรีที่สูงหรือต่ำ นั่นแหละคือตัวชุดรั้งให้ชีวิตของเราเดินหน้าไปอย่างไม่ราบรื่น และถ้านิสัยด้านลบใดมีความเด่นจนเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเรา นิสัยและพฤติกรรมนั้นแล จะเป็นหางเสือพาชีวิตของเราให้เดินไปอาจจะลงท่อระบายน้ำหรือตกเหวลงสักวัน
เช่น คนใจร้อนขี้โมโหขาดความอดทน ตอนอายุน้อยๆ ก็เรียนหนังสือไม่ได้ เพราะหนีโรงเรียน โตขึ้นมาเป็นวินมอเตอร์ไซค์พอโดนผู้โดยสารว่าก็ต่อยกัน ผลสุดท้ายเข้าคุกไปมีเรื่องอีกโดนรุมซ้อมถึงขั้นพิการ ถือได้ว่านิสัยของคนนั้นเป็นหางเสือพาชีวิตคนนั้นให้มาถึงจุดๆ นี้ได้ทีเดียว นิสัยจึงบ่งบอกอนาคตของเราได้
|
|
|
Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Sept 18, 2016 4:52:34 GMT
จิตแห่งแรงดึงดูด Mind of Attraction
ตอน 30
ในอดีตมีวลีที่ว่า "สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้" หมายถึงคนโบราณไม่เชื่อว่านิสัยคนเราจะเปลี่ยนกันได้ คนใดคนหนึ่งจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนตัวเป็นคนใหม่จึงเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเชื่อ และกับอีกความเชื่อหนึ่ง คือการให้เหตุผลที่ดีงาม และบุคคลจึงจะเปลี่ยนได้ เช่น คนใจร้อน มุทะลุ ก็จะมีการพูดจาให้เหตุผลว่าการเป็นคนใจร้อนวู่วามนั้นไม่ดี ให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ ทำตัวให้เป็นคนใจเย็น
ปรากฎว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ย้อนแย้งกันอย่างสุดโต่ง แต่คนส่วนใหญ่ก็เออออเห็นด้วยกับเรื่องย้อนแย้งนี้ นั่นไม่แปลก เพราะคนส่วนใหญ่มีสติปัญญาน้อย คนส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ คนส่วนใหญ่ ฟังและเชื่อตามๆ กันมาขาดความคิดพิจารณาที่เหมาะสม และคนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ และคนส่วนใหญ่ไม่มีความสุข เราจึงจะเชื่อและทำตามคนส่วนใหญ่ไม่ได้
คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข ถ้าตอนนี้เรายังไม่ประสบความสำเร็จและยังไม่มีความสุข อันดับแรกที่ต้องทำคือ เลิกทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด เชื่อและทำตามๆ กันมา จงเปลี่ยนแปลงทันทีที่ท่านรู้ตัวว่าชีวิตท่านยังไม่เปลี่ยนแปลง การทำสิ่งใหม่ๆ ทันทีโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ เป็นคุณสมบัติอย่างแรก ของคนที่มีแนวโน้มว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จ
|
|