Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Oct 25, 2016 14:47:11 GMT
บุญคือความสงบของจิต
บุญมีหลายระดับแต่ระดับสูงสุดคือความสงบของจิต อย่างที่พุทธกล่าวว่า ความสุขใดเท่าความสงบเป็นไม่มี การนั่งสมาธิสร้างความสงบของจิตจึงเป็นการทำบุญสูงสุด
การสร้างโบสถ์วิหาร ทำบุญด้วยเงินมากๆ จึงไม่ได้บุญเท่าการทำจิตให้สงบ
ทำบุญแล้วจิตผ่องใส ลิงโลด มีความสุข สบายใจ ความรู้สึกเหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน เหมือนทำอะไรสนุกเพลินๆ สร้างความสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน แต่การเพาะบ่มจิตให้สงบจึงจะพบความสุขอันลึกล้ำ
การทำสมาธิในพุทธศาสนายังกล่าวว่ามีตั้ง 40 วิธี ฉะนั้นวิธีไหนก็ได้ครับที่ทำให้จิตสงบ ย่อมได้บุญเสมอกัน
พุทธไทยเถรวาทนั่งสมาธิเอาจิตไว้ภายใน แต่นิกายอื่นเอาจิตไว้ภายนอก หรือการเพ่งกษิณก็เอาจิตไว้ภายนอก หรือการเอาจิตตามเสียงเคาะในมหายานก็เป็นการฝึกสมาธิทั้งสิ้น
ต่อให้กวาดลานวัด เดินจงกรม นอนกำหนดจิตก็เป็นการฝึกสมาธิทั้งหมด สูงสุดของพุทธคือ การไม่มีความยินดียินร้าย ปล่อยวาง ไม่กังวล ไม่ผูกพัน ไม่ผูกพยาบาท สูงสุดแล้วจะไม่มีความดีความชั่ว เพราะทุกอย่างเป็นไปตามวัฎฎะ
ทำบุญด้วยเงินหรือสิ่งของ โจรก็ทำได้ แล้วโจรจะขึ้นสวรรค์หรือไม่ เราจึงเข้าใจผิดกันว่าการบริจาคสิ่งของเป็นการทำบุญ
เราฝึกการให้เพื่อจิตที่ปล่อยวาง ปล่อยวางได้จริงแล้วจึงเกิดบุญ เราจึงฝึกการปล่อยวางที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเกิดการปล่อยวางในจิต จึงเกิดบุญ
เมื่อปล่อยวางก็จะนำสู่จิตที่สงบ จิตที่สงบจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา คำว่า นิพพาน ไม่ได้หมายถึงอิทธิปาฎิหาริย์ใดๆ นิพพานมาจากคำว่า นิ - วนา คือไม่เป็นป่า ความหมายคือ ไม่รกรุงรัง ไม่ป่าเถื่อน ไม่เศร้าหมอง
คนที่มีธรรมชาติหรือเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดนิพพานได้ง่ายก็จะถือว่าเกิดในภพภูมิที่ดี ก่อนพระพุทธเจ้าองค์นี้ จึงเกิดพระพุทธเจ้ามาก่อนแล้วนับไม่ถ้วน ความเป็นพุทธ จึงเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นพุทธเพราะทะเบียนบ้านเขียนไว้ หรือฉันไหว้พระฉันจึงเป็นพุทธ
บุญมีหลายระดับแต่ระดับสูงสุดคือความสงบของจิต อย่างที่พุทธกล่าวว่า ความสุขใดเท่าความสงบเป็นไม่มี การนั่งสมาธิสร้างความสงบของจิตจึงเป็นการทำบุญสูงสุด
การสร้างโบสถ์วิหาร ทำบุญด้วยเงินมากๆ จึงไม่ได้บุญเท่าการทำจิตให้สงบ
ทำบุญแล้วจิตผ่องใส ลิงโลด มีความสุข สบายใจ ความรู้สึกเหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน เหมือนทำอะไรสนุกเพลินๆ สร้างความสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน แต่การเพาะบ่มจิตให้สงบจึงจะพบความสุขอันลึกล้ำ
การทำสมาธิในพุทธศาสนายังกล่าวว่ามีตั้ง 40 วิธี ฉะนั้นวิธีไหนก็ได้ครับที่ทำให้จิตสงบ ย่อมได้บุญเสมอกัน
พุทธไทยเถรวาทนั่งสมาธิเอาจิตไว้ภายใน แต่นิกายอื่นเอาจิตไว้ภายนอก หรือการเพ่งกษิณก็เอาจิตไว้ภายนอก หรือการเอาจิตตามเสียงเคาะในมหายานก็เป็นการฝึกสมาธิทั้งสิ้น
ต่อให้กวาดลานวัด เดินจงกรม นอนกำหนดจิตก็เป็นการฝึกสมาธิทั้งหมด สูงสุดของพุทธคือ การไม่มีความยินดียินร้าย ปล่อยวาง ไม่กังวล ไม่ผูกพัน ไม่ผูกพยาบาท สูงสุดแล้วจะไม่มีความดีความชั่ว เพราะทุกอย่างเป็นไปตามวัฎฎะ
ทำบุญด้วยเงินหรือสิ่งของ โจรก็ทำได้ แล้วโจรจะขึ้นสวรรค์หรือไม่ เราจึงเข้าใจผิดกันว่าการบริจาคสิ่งของเป็นการทำบุญ
เราฝึกการให้เพื่อจิตที่ปล่อยวาง ปล่อยวางได้จริงแล้วจึงเกิดบุญ เราจึงฝึกการปล่อยวางที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเกิดการปล่อยวางในจิต จึงเกิดบุญ
เมื่อปล่อยวางก็จะนำสู่จิตที่สงบ จิตที่สงบจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา คำว่า นิพพาน ไม่ได้หมายถึงอิทธิปาฎิหาริย์ใดๆ นิพพานมาจากคำว่า นิ - วนา คือไม่เป็นป่า ความหมายคือ ไม่รกรุงรัง ไม่ป่าเถื่อน ไม่เศร้าหมอง
คนที่มีธรรมชาติหรือเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดนิพพานได้ง่ายก็จะถือว่าเกิดในภพภูมิที่ดี ก่อนพระพุทธเจ้าองค์นี้ จึงเกิดพระพุทธเจ้ามาก่อนแล้วนับไม่ถ้วน ความเป็นพุทธ จึงเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นพุทธเพราะทะเบียนบ้านเขียนไว้ หรือฉันไหว้พระฉันจึงเป็นพุทธ