Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Apr 29, 2017 4:09:49 GMT
กำเนิดที่มา 12 นักษัต
เคยสงสัยไหม ว่าปี 12 นักษัตที่มีหนู วัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัข และหมูมีที่มาอย่างไร เรื่องเป็นอย่างนี้
วันหนึ่งท่านมหาพราหมณ์มีดำริให้ใช้สัตว์ต่างๆ เป็นสัญญลักษณ์แทนแต่ละปีของ 12 นักษัต เหล่าพราหมณ์น้อยใหญ่จึงออกเดินทางทั่วชมพูทวีปเพื่อประกาศเรื่องนี้ แรกทีเดียวตั้งใจแจ้งข่าวแก่สัตว์ชั้นสูงให้มาประชุม เพื่อกำหนดปีให้เหมาะแก่สัตว์แต่ละชนิด
สัตว์ชั้นสูงหมายถึงวัว พาหนะของพระอิศวร ครุท พาหนะของพระนารายณ์ หงษ์ พาหนะของพระพรหม ช้าง พาหนะของพระอินทร์ มังกรหรืองูใหญ๋ พาหนะของพระวรุณ เสือ พาหนะของพระแม่อุมา เป็นต้น
เมื่อสัตว์ชั้นสูงรู้ข่าวจึงพากันออกเดินทาง ทำให้สัตว์อื่นๆ รู้และอยากมีส่วนร่วม เช่น กระต่าย งูเล็ก ม้า แพะ และลิงจึงออกเดินทางบ้าง
สัตว์ของเทพระหว่างทางจะต้องหยุดให้ผู้คนสักการะ ส่วนที่ไม่มีใครสักการะก็เดินทางมาถึงที่ประชุมได้เร็ว กระต่ายมาถึงเป็นตัวแรก ตามด้วย งูเล็ก ม้า แพะ และลิง เหล่าพราหมณ์จะประกาศชื่อตามลำดับก็รู้สึกเสียเกียรติยศ จึงให้รอโดยหวังว่าสัตว์ชั้นสูงจะมาประชุมทันเวลา
ระหว่างที่ช้างเดินทางได้พบกับหนู หนูจึงขอขี่ช้างอาศัยมาด้วย และช้างเป็นสัตว์ชั้นสูงรายแรกที่มาถึงที่ประชุม อันดับต่อมาคือวัว เสือ มังกร และครุท มหาพราหมณ์มองดูอย่างมีความสุข
แต่เมื่อครุทพบมังกร จึงตรงเข้าจิกตีมิหยุดหย่อน ใครห้ามก็ไม่ฟัง ทำเอาวงแตกกระทั่งมหาพราหมณ์เอ่ยปากไล่เพื่อให้ปัญหาสิ้นสุด พญาครุทโกรธมาก บินจากที่ประชุมไปอย่างไม่ไยดี
มหาพรหมณ์เห็นว่าขืนรอต่อไปจะยิ่งมีปัญหาจึงเริ่มประกาศปี 12 นักษัต ให้ขานชื่อสัตว์ว่าใครมาก่อนมาหลัง แต่ตั้งใจให้ได้ยินเฉพาะสัตว์ชั้นสูง
เจ้าพนักงานประกาศชื่อสัตว์ปีที่ 1 ถึง 3 ครั้งในที่สุดหนูก็ขานชื่อตัวเอง เพราะหนูวิ่งไปอุดหูช้างทำให้ช่างไม่ได้ยิน พอรู้ตัวช้างก็อับอายเดินหนีออกจากที่ประชุม นับแต่นั้นช้างกับหนูจึงเป็นอริกัน ปีที่ 1 จึงเรียกว่าชวด คือช้างพาหนะของเทพ ชวดจากการเป็นอันดับ 1
สัตว์ปีที่ 2 และ 3 จึงเป็นวัว และเสือตามลำดับ พอถึงอันดับ 4 กระต่ายยกมือประท้วง กล่าวหาว่าการประชุมนี้ไม่ยุติธรรม มหาพราหมณ์อายจึงประกาศชื่อกระต่ายเป็นอันดับ 4
พอประกาศอันดับ 5 งูใหญ่หันไปมองหน้างูเล็ก งูเล็กจะขานรับก็เกรงบารมีงูใหญ่จึงเงียบเสีย อันดับ 5 และ 6 จึงเป็นงูใหญ่ และงูเล็กตามลำดับ ในที่ประชุมเหลือแต่ม้า แพะ และลิง จึงได้อันดับที่ 7 8 และ 9
ระหว่งที่ครุทบินกลับที่พักได้พบกับไก่ ไก่ถามครุทว่าทำไมท่านถึงกลับมา งานชุมนุมเสร็จแล้วรึ ครุทจึงบอกว่าเจ้าจงเข้าประชุมแทนข้าเถิด งานชุมนุมคราวนี้มีแต่สัตว์ชั้นต่ำเยี่ยงเจ้า ไม่เหมาะแก่สัตว์ชั้นสูงอย่างข้า ไก่ได้ฟังก็คำนับครุทแล้วบินมาที่งานทันที จึงได้เป็นอันดับที่ 10 นับแต่นั้น ไก่จึงขันทุกเช้า เพื่อประกาศให้รู้กันทั่วว่า ฉันคือตัวแทนของพญาครุท
ระหว่างทางครุทได้เจอหงษ์ที่กำลังเดินทางมา จึงบอกหงษ์ว่า งานชุมนุมสัตว์ครั้งนี้มีแต่สัตว์ชั้นต่ำ สัตว์สกปรก เช่น กระต่าย ม้า แพะ ลิง ข้าจึงออกมาจากงานเสีย หงษ์ได้ยินดังนั้นจึงหันหลังบินกลับไปกับครุท
เวลาเย็นมากแล้ว ยังได้สัตว์ไม่ครบ 12 ปี มหาพราหมณ์รู้สึกเสียหน้า จึงบัญชาให้พราหมณ์น้อยใหญ่ออกหาสัตว์มาเสริมให้ครบก่อนอาทิตย์อัสดง เจ้าพนักงานได้ยินเสียงหมูร้องอยู่ในเล้า จึงช่วยกันอุ้มเข้ามา อีกคนเห็นสุนัขหน้าประตูอาศรมจึงอุ้มมาด้วย
เจ้าพนักงานขานชื่อสัตว์อันดับที่ 11 ถึง 3 ครั้งหมูก็ไม่ตอบเพราะหลับ สุนัขจึงเห่ารับแทนได้เป็นอันดับที่ 11
เจ้าพนักงานขานชืื่ออันดับที่ 12 ต่อ หมูก็ไม่ขานเพราะหลับไม่รู้เรื่อง มหาพราหมณ์เห็นท่าไม่ไหวจึงบอกให้บันทึกชื่อหมูลงไปแล้วรีบปิดพิธี สัตว์ทั้ง 12 จึงเป็นสัญญลักษณ์ของปีนักษัตนับแต่นั้นมา
เคยสงสัยไหม ว่าปี 12 นักษัตที่มีหนู วัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัข และหมูมีที่มาอย่างไร เรื่องเป็นอย่างนี้
วันหนึ่งท่านมหาพราหมณ์มีดำริให้ใช้สัตว์ต่างๆ เป็นสัญญลักษณ์แทนแต่ละปีของ 12 นักษัต เหล่าพราหมณ์น้อยใหญ่จึงออกเดินทางทั่วชมพูทวีปเพื่อประกาศเรื่องนี้ แรกทีเดียวตั้งใจแจ้งข่าวแก่สัตว์ชั้นสูงให้มาประชุม เพื่อกำหนดปีให้เหมาะแก่สัตว์แต่ละชนิด
สัตว์ชั้นสูงหมายถึงวัว พาหนะของพระอิศวร ครุท พาหนะของพระนารายณ์ หงษ์ พาหนะของพระพรหม ช้าง พาหนะของพระอินทร์ มังกรหรืองูใหญ๋ พาหนะของพระวรุณ เสือ พาหนะของพระแม่อุมา เป็นต้น
เมื่อสัตว์ชั้นสูงรู้ข่าวจึงพากันออกเดินทาง ทำให้สัตว์อื่นๆ รู้และอยากมีส่วนร่วม เช่น กระต่าย งูเล็ก ม้า แพะ และลิงจึงออกเดินทางบ้าง
สัตว์ของเทพระหว่างทางจะต้องหยุดให้ผู้คนสักการะ ส่วนที่ไม่มีใครสักการะก็เดินทางมาถึงที่ประชุมได้เร็ว กระต่ายมาถึงเป็นตัวแรก ตามด้วย งูเล็ก ม้า แพะ และลิง เหล่าพราหมณ์จะประกาศชื่อตามลำดับก็รู้สึกเสียเกียรติยศ จึงให้รอโดยหวังว่าสัตว์ชั้นสูงจะมาประชุมทันเวลา
ระหว่างที่ช้างเดินทางได้พบกับหนู หนูจึงขอขี่ช้างอาศัยมาด้วย และช้างเป็นสัตว์ชั้นสูงรายแรกที่มาถึงที่ประชุม อันดับต่อมาคือวัว เสือ มังกร และครุท มหาพราหมณ์มองดูอย่างมีความสุข
แต่เมื่อครุทพบมังกร จึงตรงเข้าจิกตีมิหยุดหย่อน ใครห้ามก็ไม่ฟัง ทำเอาวงแตกกระทั่งมหาพราหมณ์เอ่ยปากไล่เพื่อให้ปัญหาสิ้นสุด พญาครุทโกรธมาก บินจากที่ประชุมไปอย่างไม่ไยดี
มหาพรหมณ์เห็นว่าขืนรอต่อไปจะยิ่งมีปัญหาจึงเริ่มประกาศปี 12 นักษัต ให้ขานชื่อสัตว์ว่าใครมาก่อนมาหลัง แต่ตั้งใจให้ได้ยินเฉพาะสัตว์ชั้นสูง
เจ้าพนักงานประกาศชื่อสัตว์ปีที่ 1 ถึง 3 ครั้งในที่สุดหนูก็ขานชื่อตัวเอง เพราะหนูวิ่งไปอุดหูช้างทำให้ช่างไม่ได้ยิน พอรู้ตัวช้างก็อับอายเดินหนีออกจากที่ประชุม นับแต่นั้นช้างกับหนูจึงเป็นอริกัน ปีที่ 1 จึงเรียกว่าชวด คือช้างพาหนะของเทพ ชวดจากการเป็นอันดับ 1
สัตว์ปีที่ 2 และ 3 จึงเป็นวัว และเสือตามลำดับ พอถึงอันดับ 4 กระต่ายยกมือประท้วง กล่าวหาว่าการประชุมนี้ไม่ยุติธรรม มหาพราหมณ์อายจึงประกาศชื่อกระต่ายเป็นอันดับ 4
พอประกาศอันดับ 5 งูใหญ่หันไปมองหน้างูเล็ก งูเล็กจะขานรับก็เกรงบารมีงูใหญ่จึงเงียบเสีย อันดับ 5 และ 6 จึงเป็นงูใหญ่ และงูเล็กตามลำดับ ในที่ประชุมเหลือแต่ม้า แพะ และลิง จึงได้อันดับที่ 7 8 และ 9
ระหว่งที่ครุทบินกลับที่พักได้พบกับไก่ ไก่ถามครุทว่าทำไมท่านถึงกลับมา งานชุมนุมเสร็จแล้วรึ ครุทจึงบอกว่าเจ้าจงเข้าประชุมแทนข้าเถิด งานชุมนุมคราวนี้มีแต่สัตว์ชั้นต่ำเยี่ยงเจ้า ไม่เหมาะแก่สัตว์ชั้นสูงอย่างข้า ไก่ได้ฟังก็คำนับครุทแล้วบินมาที่งานทันที จึงได้เป็นอันดับที่ 10 นับแต่นั้น ไก่จึงขันทุกเช้า เพื่อประกาศให้รู้กันทั่วว่า ฉันคือตัวแทนของพญาครุท
ระหว่างทางครุทได้เจอหงษ์ที่กำลังเดินทางมา จึงบอกหงษ์ว่า งานชุมนุมสัตว์ครั้งนี้มีแต่สัตว์ชั้นต่ำ สัตว์สกปรก เช่น กระต่าย ม้า แพะ ลิง ข้าจึงออกมาจากงานเสีย หงษ์ได้ยินดังนั้นจึงหันหลังบินกลับไปกับครุท
เวลาเย็นมากแล้ว ยังได้สัตว์ไม่ครบ 12 ปี มหาพราหมณ์รู้สึกเสียหน้า จึงบัญชาให้พราหมณ์น้อยใหญ่ออกหาสัตว์มาเสริมให้ครบก่อนอาทิตย์อัสดง เจ้าพนักงานได้ยินเสียงหมูร้องอยู่ในเล้า จึงช่วยกันอุ้มเข้ามา อีกคนเห็นสุนัขหน้าประตูอาศรมจึงอุ้มมาด้วย
เจ้าพนักงานขานชื่อสัตว์อันดับที่ 11 ถึง 3 ครั้งหมูก็ไม่ตอบเพราะหลับ สุนัขจึงเห่ารับแทนได้เป็นอันดับที่ 11
เจ้าพนักงานขานชืื่ออันดับที่ 12 ต่อ หมูก็ไม่ขานเพราะหลับไม่รู้เรื่อง มหาพราหมณ์เห็นท่าไม่ไหวจึงบอกให้บันทึกชื่อหมูลงไปแล้วรีบปิดพิธี สัตว์ทั้ง 12 จึงเป็นสัญญลักษณ์ของปีนักษัตนับแต่นั้นมา