Post by ขอนำมาแชร์จากเว็บไซท์พันทิป on Dec 16, 2016 2:21:19 GMT
พ่อของเราเป็นคนที่เข้มงวดมาก ตั้งแต่เด็กๆ ถ้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษ ตอนเด็กๆเรายอมรับว่าเรากลัวพ่อมาก เวลาที่เรามีปัญหาอะไร เราไม่เคยอยากเล่าให้พ่อฟังเลย จนถึงทุกวันนี้ พ่อพูดเสมอว่าพ่อทำทุกอย่างเพราะพ่อหวังดี พ่ออยากให้เราได้ดี เราไม่ปฏิเสธ พ่อเป็นพ่อที่ดีมากยกเว้นอย่างเดียว
" พ่อไม่เคยเข้าใจเราเลย "
ตั้งแต่เกิดจนถึงประถมเราพยายามเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อมาตลอด เราตั้งใจเรียน รักษาเกรดดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน เราแค่อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจ
พอขึ้นมัธยม เราเองก็เริ่มรู้สึกอึดอัดกับการถูกบังคับ เวลาคุยกันเรารู้สึกเหมือนถูกสอบสวนตลอดเวลา พ่อเป็นคนที่ตรง พูดตรงมากๆ ไม่รักษาน้ำใจ และหลายๆครั้งพ่อก็ดูถูกเรา พ่อชอบพูดว่า "เรียนเก่งแค่ไหนก็ไปไม่รอด ไปไม่รอด !!!" คือมันเป็นความรู้สึกที่แย่นะ โดยเฉพาะมาจากปากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ พ่อบอกว่าถ้าเชื่อพ่อทุกอย่างจะโอเค เอาตรงๆ เราก็คงเชื่อพ่อมากกว่านี้ถ้าพ่อไม่คอยพูดจาเหน็บแนม ดูถูกเราแบบนี้ คือก็เข้าใจว่ารัก แต่การพูดแบบนี้มันทำร้ายจิตใจลูกเกินไป
หลายอย่างมันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่คือพ่อก็ยังหยิบมาเป็นประเด็น ครั้งนึงพ่อเห็นเราปอกผลไม้ พ่อบอกว่าเราปอกไม่ถูกวิธีแล้วก็บังคับให้ปอกด้วยวิธีแบบพ่อ เราไม่เข้าใจค่ะ คือการปอกผลไม้เนี่ยมันก็มีหลายวิธี แต่ละคนก็ถนัดไปตามวิธีของตัวเอง เราปอกแบบพ่อไม่ได้ นิ้วเราสั้น เรากดมีดแบบพ่อไม่ได้ = = เราก็พยายาม แต่ทำแบบที่พ่อบอกไม่ได้ เราก็กลับมาปอกของเราแบบเดิมแล้วพ่อก็อารมณ์เสียค่ะ
คือมันไม่ได้มีแค่นี้ มันมีอีกเยอะ ซึ่งพอความรู้สึกคนเรามันอดทนมานานๆมันก็มีขีดจำกัด ยอมรับนะว่าเราดื้อ เราเกลียดการโดนบังคับมากๆและหลายๆครั้งเราก็จะไม่ทำตามที่พ่อบอกหรอก เราอดทนมาพอแล้ว !!
ตอนนี้เราอยู่ ม.6 เราเองก็เหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีความฝันเป็นของตัวเอง เรากับพ่อทะเลาะกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า เรื่องการเรียนต่อของเรา พ่อชอบถามว่าเราอยากเรียนอะไร เราก็บอกพ่อทุกอย่างนะ แล้วพ่อก็ชอบพูดประมาณว่าเรียนไปแล้วมันก็ไม่มีงานทำหรอก ไม่มั่นคง.... บลาๆ พ่อบอกว่าให้เราเลือกได้ตามใจเลย อยากเรียนอะไรก็เรียนพ่อไม่บังคับ ทำได้แค่ชี้นำ แล้วพ่อก็จะพูดต่อว่าเนี่ย อาชีพที่มีวิชาชีพมันดีนะ ถ้าเบื่อก็ออกมาทำงานเองได้ ย้ายไปไหนก็ได้ (เราเคยอยากเรียนวิศวะ พ่อก็บอกว่าถึงมันจะมีใบประกอบวิชาชีพมันก็ตกงาน อ้าว ??) สุดท้ายแล้วเหลือกี่อาชีพเหรอคะที่พ่อหมายถึงดีถ้าไม่ใช่อาชีพ "แพทย์"
ด้วยความดวงซวยและหัวดีหน่อยๆของเรา เราก็สอบติดแพทย์สถาบันหนึ่งอย่าง ฟลุ๊คๆ เราขอพ่อกับแม่ตั้งแต่ก่อนสอบแล้วว่าติดเราขอสละสิทธิ์ได้ไหม เพราะเราไม่อยากเรียน ไม่อยากเป็นจริงๆ ที่เราอยากได้คือการสอบสนามถัดไปต่างหาก พ่อก็ด่าเราบอกว่าจะทำอะไรให้คิดอย่าหวังน้ำบ่อหน้า ถ้าไม่ได้แล้วจะเป็นยังไง แต่เราก็ยืนยันว่าเราจะสละสิทธิ์ ไม่ไปสอบสัมภาษณ์ แล้วเรากับพ่อก็ทะเลาะกันค่ะ
ตอนนี้คือเราอึดอัดมาก แม้แต่หน้าพ่อเรายังไม่อยากมองตอนนี้ เราทำใจไม่ได้ เหมือนความอดทนทุกอย่างมันถึงขีดจำกัด ไหนบอกไม่บังคับ ไหนบอกให้เราเลือกเอง แล้วทำไมสุดท้ายพ่อก็ไม่ฟังเหตุผลของเรา ทำไมไม่พูดดีๆ ทำไมต้องใช้อารมณ์ เราเครียดแล้วก็กดดันมาก ยิ่งเหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ต้องสอบยิ่งเครียด ต้องเจอปัญหาจากคนในบ้าน คือเราอ่านหนังสือไปร้องไห้ไปค่ะ แทบจะขังตัวเองไว้ในห้องแล้ว
เราทำสมาธินานมากกว่าจะเริ่มอ่านหนังสือได้ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งถึงสองชั่วโมงเพื่อสงบสติอารมณ์ เพื่อหยุดคำถาม เพื่อหยุดคำสบประมาทคำตอกย้ำของพ่อ พวกคุณอาจจะนึกไม่ออกค่ะ เป็นอารมณ์แบบอ่านหนังสือไปหลายๆคำพูดมันก็ผุดขึ้นมาในหัว มันกดดันมากนะคะ กดดันจนร้องไห้ เครียดที่พ่อไม่เคยเข้าใจเราเลย เรากลัวด้วยซ้ำว่าถ้าเราสอบรอบนี้ไม่ติดพ่อจะว่าเราอีกเหมือนทุกๆครั้งว่า "เห็นไหมไม่เชื่อพ่อ" ซึ่งแน่นอนเราไม่ต้องการคำดูถูกแบบนั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆคนนะคะ ถ้าไม่อยากให้ลูกเก็บกด (จนใกล้บ้า) เหมือนเรา รักเขา เอาใจใส่ลูกหลานท่านให้ดีนะคะ รักให้เป็น รักหมายถึงให้ความรัก ให้คำปรึกษาลูกเวลามีปัญหา รับฟังเขาบ้างเถอะค่ะ เด็กๆอยากให้คุณพ่อคุณแม่รับฟังพวกเขานะคะ เขายินดีรับฟังทุกข้อคิดจากคุณเหมือนกัน เพียงขอพวกคุณใจเย็น ค่อยๆพูด ค่อยๆอธิบาย ความเข้มงวดจนเกินไปมันทำร้ายทั้งสองฝ่ายค่ะ ณ จุดๆนึง ความอดทนของเด็กๆก็มีขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆช่วง ม.6 สิ่งที่พวกเขาต้องการคือกำลังใจ แค่พวกเขาต้องกดดันกับการสอบมากมายก็เครียดมากแล้ว อย่าให้ลูกๆหลานๆคุณต้องทรมานอย่างที่เรารู้สึกตอนนี้เลยค่ะ
คัดลอกจาก pantip.com/topic/35904739/comment136
" พ่อไม่เคยเข้าใจเราเลย "
ตั้งแต่เกิดจนถึงประถมเราพยายามเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อมาตลอด เราตั้งใจเรียน รักษาเกรดดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน เราแค่อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจ
พอขึ้นมัธยม เราเองก็เริ่มรู้สึกอึดอัดกับการถูกบังคับ เวลาคุยกันเรารู้สึกเหมือนถูกสอบสวนตลอดเวลา พ่อเป็นคนที่ตรง พูดตรงมากๆ ไม่รักษาน้ำใจ และหลายๆครั้งพ่อก็ดูถูกเรา พ่อชอบพูดว่า "เรียนเก่งแค่ไหนก็ไปไม่รอด ไปไม่รอด !!!" คือมันเป็นความรู้สึกที่แย่นะ โดยเฉพาะมาจากปากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ พ่อบอกว่าถ้าเชื่อพ่อทุกอย่างจะโอเค เอาตรงๆ เราก็คงเชื่อพ่อมากกว่านี้ถ้าพ่อไม่คอยพูดจาเหน็บแนม ดูถูกเราแบบนี้ คือก็เข้าใจว่ารัก แต่การพูดแบบนี้มันทำร้ายจิตใจลูกเกินไป
หลายอย่างมันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่คือพ่อก็ยังหยิบมาเป็นประเด็น ครั้งนึงพ่อเห็นเราปอกผลไม้ พ่อบอกว่าเราปอกไม่ถูกวิธีแล้วก็บังคับให้ปอกด้วยวิธีแบบพ่อ เราไม่เข้าใจค่ะ คือการปอกผลไม้เนี่ยมันก็มีหลายวิธี แต่ละคนก็ถนัดไปตามวิธีของตัวเอง เราปอกแบบพ่อไม่ได้ นิ้วเราสั้น เรากดมีดแบบพ่อไม่ได้ = = เราก็พยายาม แต่ทำแบบที่พ่อบอกไม่ได้ เราก็กลับมาปอกของเราแบบเดิมแล้วพ่อก็อารมณ์เสียค่ะ
คือมันไม่ได้มีแค่นี้ มันมีอีกเยอะ ซึ่งพอความรู้สึกคนเรามันอดทนมานานๆมันก็มีขีดจำกัด ยอมรับนะว่าเราดื้อ เราเกลียดการโดนบังคับมากๆและหลายๆครั้งเราก็จะไม่ทำตามที่พ่อบอกหรอก เราอดทนมาพอแล้ว !!
ตอนนี้เราอยู่ ม.6 เราเองก็เหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีความฝันเป็นของตัวเอง เรากับพ่อทะเลาะกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า เรื่องการเรียนต่อของเรา พ่อชอบถามว่าเราอยากเรียนอะไร เราก็บอกพ่อทุกอย่างนะ แล้วพ่อก็ชอบพูดประมาณว่าเรียนไปแล้วมันก็ไม่มีงานทำหรอก ไม่มั่นคง.... บลาๆ พ่อบอกว่าให้เราเลือกได้ตามใจเลย อยากเรียนอะไรก็เรียนพ่อไม่บังคับ ทำได้แค่ชี้นำ แล้วพ่อก็จะพูดต่อว่าเนี่ย อาชีพที่มีวิชาชีพมันดีนะ ถ้าเบื่อก็ออกมาทำงานเองได้ ย้ายไปไหนก็ได้ (เราเคยอยากเรียนวิศวะ พ่อก็บอกว่าถึงมันจะมีใบประกอบวิชาชีพมันก็ตกงาน อ้าว ??) สุดท้ายแล้วเหลือกี่อาชีพเหรอคะที่พ่อหมายถึงดีถ้าไม่ใช่อาชีพ "แพทย์"
ด้วยความดวงซวยและหัวดีหน่อยๆของเรา เราก็สอบติดแพทย์สถาบันหนึ่งอย่าง ฟลุ๊คๆ เราขอพ่อกับแม่ตั้งแต่ก่อนสอบแล้วว่าติดเราขอสละสิทธิ์ได้ไหม เพราะเราไม่อยากเรียน ไม่อยากเป็นจริงๆ ที่เราอยากได้คือการสอบสนามถัดไปต่างหาก พ่อก็ด่าเราบอกว่าจะทำอะไรให้คิดอย่าหวังน้ำบ่อหน้า ถ้าไม่ได้แล้วจะเป็นยังไง แต่เราก็ยืนยันว่าเราจะสละสิทธิ์ ไม่ไปสอบสัมภาษณ์ แล้วเรากับพ่อก็ทะเลาะกันค่ะ
ตอนนี้คือเราอึดอัดมาก แม้แต่หน้าพ่อเรายังไม่อยากมองตอนนี้ เราทำใจไม่ได้ เหมือนความอดทนทุกอย่างมันถึงขีดจำกัด ไหนบอกไม่บังคับ ไหนบอกให้เราเลือกเอง แล้วทำไมสุดท้ายพ่อก็ไม่ฟังเหตุผลของเรา ทำไมไม่พูดดีๆ ทำไมต้องใช้อารมณ์ เราเครียดแล้วก็กดดันมาก ยิ่งเหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ต้องสอบยิ่งเครียด ต้องเจอปัญหาจากคนในบ้าน คือเราอ่านหนังสือไปร้องไห้ไปค่ะ แทบจะขังตัวเองไว้ในห้องแล้ว
เราทำสมาธินานมากกว่าจะเริ่มอ่านหนังสือได้ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งถึงสองชั่วโมงเพื่อสงบสติอารมณ์ เพื่อหยุดคำถาม เพื่อหยุดคำสบประมาทคำตอกย้ำของพ่อ พวกคุณอาจจะนึกไม่ออกค่ะ เป็นอารมณ์แบบอ่านหนังสือไปหลายๆคำพูดมันก็ผุดขึ้นมาในหัว มันกดดันมากนะคะ กดดันจนร้องไห้ เครียดที่พ่อไม่เคยเข้าใจเราเลย เรากลัวด้วยซ้ำว่าถ้าเราสอบรอบนี้ไม่ติดพ่อจะว่าเราอีกเหมือนทุกๆครั้งว่า "เห็นไหมไม่เชื่อพ่อ" ซึ่งแน่นอนเราไม่ต้องการคำดูถูกแบบนั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆคนนะคะ ถ้าไม่อยากให้ลูกเก็บกด (จนใกล้บ้า) เหมือนเรา รักเขา เอาใจใส่ลูกหลานท่านให้ดีนะคะ รักให้เป็น รักหมายถึงให้ความรัก ให้คำปรึกษาลูกเวลามีปัญหา รับฟังเขาบ้างเถอะค่ะ เด็กๆอยากให้คุณพ่อคุณแม่รับฟังพวกเขานะคะ เขายินดีรับฟังทุกข้อคิดจากคุณเหมือนกัน เพียงขอพวกคุณใจเย็น ค่อยๆพูด ค่อยๆอธิบาย ความเข้มงวดจนเกินไปมันทำร้ายทั้งสองฝ่ายค่ะ ณ จุดๆนึง ความอดทนของเด็กๆก็มีขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆช่วง ม.6 สิ่งที่พวกเขาต้องการคือกำลังใจ แค่พวกเขาต้องกดดันกับการสอบมากมายก็เครียดมากแล้ว อย่าให้ลูกๆหลานๆคุณต้องทรมานอย่างที่เรารู้สึกตอนนี้เลยค่ะ
คัดลอกจาก pantip.com/topic/35904739/comment136