Post by ดร.ภาคิน ธราธรศิริ on Sept 8, 2015 11:12:27 GMT
คนดีมักอายุสั้น
ไม่ใช่แค่อายุสั้น ป่วยเรื้อรัง โชคร้าย และไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย อ่านความจริงที่สวนทางกับความคิดความเชื่อของคนทั่วไป
งานแบบผมจะพบโชคดี 3 ประการ คือ 1. ฟังเรื่องที่บางคนจะไม่ยอมเปิดเผยกับคนในครอบครัว 2. ได้ยินความในใจของคนที่แพทย์แท้ๆจะไม่มีโอกาส และ 3. รู้ความคิดที่กับพระเขาจะไม่ยอมพูด ผมจึงรู้จักคนที่มาพบมากกว่าคนในครอบครัวของเขา แพทย์ พระ หรือบางทีมากกว่าตัวเขาเอง เรื่องที่เล่านี้จึงเกิดจากประสบการณ์ 20 ปี ที่แยกแยะได้ชัดว่าคนนั้นป็นคนดีหรือไม่ จึงสรุปได้ว่า คนดีๆ มักอายุสั้น ไม่มีความสุข ป่วยเรื้อรัง โชคร้าย และไม่ประสบความสำเร็จ (แม้จะไม่ใช่กับคนดีทุกคน แต่คนดีจำนวนมากจะเป็นอย่างนี้)
1. คนดีมักยึดติดกับกฎเกณฑ์จนเกินพอดี เขาจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนจนกลายเป็นความตึงเครียด ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง มิตรภาพหรือสภาพแวดล้อม บางคนยอมเสียสละมากเกินพอดีจนเหมือนบุชายัญตัวเอง ท้ายที่สุดจะไร้เพื่อน ไม่มีคนเข้าใจ โดดเดี่ยวและเหนื่อยล้ากับชีวิต
2. คนดีมักอยู่ในอุดมคติจนละเลยความจริง เช่น ทำดีแล้วจะร่ำรวย ทำดีแล้วจะไม่ป่วยไม่ไข้ ทำดีแล้วจะพบกับความสุขในบั้นปลาย ทำดีแล้วสาวที่หมายปองจะหันมามองเรา ทำดีกับคนทั้งโลกแล้วลูกเมียจะรักเรา มักพบว่าคนเหล่านี้ผิดหวัง ท้อแท้ว่าทำไมฉันไม่รวย ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ไม่มีความสุข สาวไม่รับรัก และลูกเมียห่างหายหน่ายแหนง
3. คนดีมักอดทน ยอมโดนรังแกและมักถูกเอาเปรียบ เมื่อโดนโกง แกล้ง ทำร้าย ทำลายหรือเอาเปรียบ จะไม่ตอบโต้ ยอมถูกกระทำซ้ำๆอย่างยาวนาน คิดเอาเองว่าจะเอาชนะทุกสิ่งด้วยความดี ยอมถอยจนสุดทาง และค้นพบเมื่อสายไปแล้วว่าตัวเองไม่มีที่ยืน ไม่เหลือทรัพย์สินไว้สร้างตัว และไม่เหลือคนดีๆไว้ข้างกาย เพราะเขาล้มหายตายจากไปหมดแล้วกับพฤติกรรมของเรา
4. คนดีมักจริงจังกับชีวิต กดดันตัวเองและคาดหวังคนแวดล้อมให้ยึดถือบรรทัดฐานแบบที่เขาต้องการ จริงจังกับทุกเรื่อง ไม่ผ่อนสั้นผ่อนยาวหรือผ่อนหนักผ่อนเบากับปรากฎการณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา และคนแวดล้อมต้องเป็นแบบเขาด้วยเขาจึงจะพอใจ
5. คนดีมักไม่มีไหวพริบ ไม่พลิกแพลง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่เป็น ใช้วิธีคิด วิธีทำและกระบวนการแบบเดิมๆ กับทุกๆ เรื่อง จากสาเหตุที่ยึดถือกฎเกณฑ์เดิม อุดมคติเดิม การกระทำแบบเดิม และมุ่งหวังผลอย่างเดิมๆ เวลาพบปัญหาหรือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงไม่สามารถปรับตัวและรับมือได้
6. คนดีมักมองโลกแบบไม่ขาวก็ดำ เขาจะไม่ให้อภัยแม้กับความผิดเล็กน้อย ไม่สุงสิงกับคนที่เขาคิดว่าเป็นคนเลว ไม่เสวนา ไม่ข้องแวะ ไม่ขอความช่วยเหลือคนที่เขาคิดว่าเป็นคนไม่ดี เขาจะถือตัว เย่อหยิ่ง เพราะคิดว่าความดีเอาชนะได้ทุกอย่าง คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ไม่มีอันตรายใดๆ ทำร้ายคนดีๆ ได้
7. คนดีมักมองโลกด้วยแว่นสีสวยกว่าคนทั่วไป เขามักไว้ใจคนแปลกหน้า มอบหมายภาระอันยิ่งใหญ่ให้คนที่รู้จักเพียงน้อยนิด เปิดเผยตัวตนจนหมดสิ้นแค่กับคนคุ้นเคย และมักมองหามิตรภาพจากคนไม่รู้จัก
8. คนดีมักโลกทัศน์แคบ ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ฟังความเห็น ไม่มีข้อแม้ ไม่ต้องการข้อยกเว้น ไม่ประนีประนอม ไม่อลุ้มอล่วย ยิ่งใกล้ชิดยิ่งโดนหนักจนไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
9. คนดีมักหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝัน ความตื่นเต้น เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย กินใช้ประหยัด รู้คุณค่าเงิน ไตร่ตรองใคร่ครวญทุกย่างก้าว กลัวความหรูหรา เกลียดความฟุ่มเฟือย เลือกอะไรที่ลำบากเพื่อประหยัดบาทสองบาท เขาจึงพลาดการเปิดโลกทัศน์ ขยายมุมมอง ความคิดสร้างสรรค์ และเหนื่อยล้าเกินกว่าจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
10. คนดีมักไม่ค่อยรักตัวเอง เป็นห่วงคนอื่นจนเกินพอดี เกรงใจคนอื่นเกินความจำเป็น รักหน้าตามากกว่าเหตุผล เจ้ากี้เจ้าการโดยเขาไม่ได้ร้องขอ จัดแจงทุกอย่างจนกลายเป็นจุ้นจ้าน หวังดีกับคนอื่นมากกว่าตัวเขา สุดท้าย คิดว่าตัวเองทำคุณกับใครไม่ขึ้น หรือไม่ก็โทษคนทั้งโลกว่าเลวไม่สำนึกในบุญคุณ
ทั้งหมดนี้ทำให้พบว่า คนดีเหล่านี้มักเครียด หลับยาก ท้อแท้ ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจ งานการไม่ก้าวหน้า สับสนในชีวิต สูญสิ้นทรัพย์สินอาชีพ และทุกข์ถึงขั้นฆ่าตัวตาย
คนดีเป็นที่ต้องการของสังคมแน่นอน ทุกคนอยากเป็นคนดี ใครๆก็อยากเจอคนดี แต่การเป็นคนดีไม่ใช่แค่คิดดีพูดดีทำดี ต้องมีเหตุผล ยืดหยุ่น กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม ยอมรับความแตกต่าง เปิดใจและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ ความเป็นไปของโลกอย่างที่ควรจะเป็น แล้วคุณจะเป็นคนดีในแบบที่โลกต้องการ สังคมยอมรับ สุขภาพจิตดี มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต
ไม่ใช่แค่อายุสั้น ป่วยเรื้อรัง โชคร้าย และไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย อ่านความจริงที่สวนทางกับความคิดความเชื่อของคนทั่วไป
งานแบบผมจะพบโชคดี 3 ประการ คือ 1. ฟังเรื่องที่บางคนจะไม่ยอมเปิดเผยกับคนในครอบครัว 2. ได้ยินความในใจของคนที่แพทย์แท้ๆจะไม่มีโอกาส และ 3. รู้ความคิดที่กับพระเขาจะไม่ยอมพูด ผมจึงรู้จักคนที่มาพบมากกว่าคนในครอบครัวของเขา แพทย์ พระ หรือบางทีมากกว่าตัวเขาเอง เรื่องที่เล่านี้จึงเกิดจากประสบการณ์ 20 ปี ที่แยกแยะได้ชัดว่าคนนั้นป็นคนดีหรือไม่ จึงสรุปได้ว่า คนดีๆ มักอายุสั้น ไม่มีความสุข ป่วยเรื้อรัง โชคร้าย และไม่ประสบความสำเร็จ (แม้จะไม่ใช่กับคนดีทุกคน แต่คนดีจำนวนมากจะเป็นอย่างนี้)
1. คนดีมักยึดติดกับกฎเกณฑ์จนเกินพอดี เขาจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนจนกลายเป็นความตึงเครียด ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง มิตรภาพหรือสภาพแวดล้อม บางคนยอมเสียสละมากเกินพอดีจนเหมือนบุชายัญตัวเอง ท้ายที่สุดจะไร้เพื่อน ไม่มีคนเข้าใจ โดดเดี่ยวและเหนื่อยล้ากับชีวิต
2. คนดีมักอยู่ในอุดมคติจนละเลยความจริง เช่น ทำดีแล้วจะร่ำรวย ทำดีแล้วจะไม่ป่วยไม่ไข้ ทำดีแล้วจะพบกับความสุขในบั้นปลาย ทำดีแล้วสาวที่หมายปองจะหันมามองเรา ทำดีกับคนทั้งโลกแล้วลูกเมียจะรักเรา มักพบว่าคนเหล่านี้ผิดหวัง ท้อแท้ว่าทำไมฉันไม่รวย ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ไม่มีความสุข สาวไม่รับรัก และลูกเมียห่างหายหน่ายแหนง
3. คนดีมักอดทน ยอมโดนรังแกและมักถูกเอาเปรียบ เมื่อโดนโกง แกล้ง ทำร้าย ทำลายหรือเอาเปรียบ จะไม่ตอบโต้ ยอมถูกกระทำซ้ำๆอย่างยาวนาน คิดเอาเองว่าจะเอาชนะทุกสิ่งด้วยความดี ยอมถอยจนสุดทาง และค้นพบเมื่อสายไปแล้วว่าตัวเองไม่มีที่ยืน ไม่เหลือทรัพย์สินไว้สร้างตัว และไม่เหลือคนดีๆไว้ข้างกาย เพราะเขาล้มหายตายจากไปหมดแล้วกับพฤติกรรมของเรา
4. คนดีมักจริงจังกับชีวิต กดดันตัวเองและคาดหวังคนแวดล้อมให้ยึดถือบรรทัดฐานแบบที่เขาต้องการ จริงจังกับทุกเรื่อง ไม่ผ่อนสั้นผ่อนยาวหรือผ่อนหนักผ่อนเบากับปรากฎการณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา และคนแวดล้อมต้องเป็นแบบเขาด้วยเขาจึงจะพอใจ
5. คนดีมักไม่มีไหวพริบ ไม่พลิกแพลง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่เป็น ใช้วิธีคิด วิธีทำและกระบวนการแบบเดิมๆ กับทุกๆ เรื่อง จากสาเหตุที่ยึดถือกฎเกณฑ์เดิม อุดมคติเดิม การกระทำแบบเดิม และมุ่งหวังผลอย่างเดิมๆ เวลาพบปัญหาหรือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงไม่สามารถปรับตัวและรับมือได้
6. คนดีมักมองโลกแบบไม่ขาวก็ดำ เขาจะไม่ให้อภัยแม้กับความผิดเล็กน้อย ไม่สุงสิงกับคนที่เขาคิดว่าเป็นคนเลว ไม่เสวนา ไม่ข้องแวะ ไม่ขอความช่วยเหลือคนที่เขาคิดว่าเป็นคนไม่ดี เขาจะถือตัว เย่อหยิ่ง เพราะคิดว่าความดีเอาชนะได้ทุกอย่าง คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ไม่มีอันตรายใดๆ ทำร้ายคนดีๆ ได้
7. คนดีมักมองโลกด้วยแว่นสีสวยกว่าคนทั่วไป เขามักไว้ใจคนแปลกหน้า มอบหมายภาระอันยิ่งใหญ่ให้คนที่รู้จักเพียงน้อยนิด เปิดเผยตัวตนจนหมดสิ้นแค่กับคนคุ้นเคย และมักมองหามิตรภาพจากคนไม่รู้จัก
8. คนดีมักโลกทัศน์แคบ ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ฟังความเห็น ไม่มีข้อแม้ ไม่ต้องการข้อยกเว้น ไม่ประนีประนอม ไม่อลุ้มอล่วย ยิ่งใกล้ชิดยิ่งโดนหนักจนไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
9. คนดีมักหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝัน ความตื่นเต้น เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย กินใช้ประหยัด รู้คุณค่าเงิน ไตร่ตรองใคร่ครวญทุกย่างก้าว กลัวความหรูหรา เกลียดความฟุ่มเฟือย เลือกอะไรที่ลำบากเพื่อประหยัดบาทสองบาท เขาจึงพลาดการเปิดโลกทัศน์ ขยายมุมมอง ความคิดสร้างสรรค์ และเหนื่อยล้าเกินกว่าจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
10. คนดีมักไม่ค่อยรักตัวเอง เป็นห่วงคนอื่นจนเกินพอดี เกรงใจคนอื่นเกินความจำเป็น รักหน้าตามากกว่าเหตุผล เจ้ากี้เจ้าการโดยเขาไม่ได้ร้องขอ จัดแจงทุกอย่างจนกลายเป็นจุ้นจ้าน หวังดีกับคนอื่นมากกว่าตัวเขา สุดท้าย คิดว่าตัวเองทำคุณกับใครไม่ขึ้น หรือไม่ก็โทษคนทั้งโลกว่าเลวไม่สำนึกในบุญคุณ
ทั้งหมดนี้ทำให้พบว่า คนดีเหล่านี้มักเครียด หลับยาก ท้อแท้ ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจ งานการไม่ก้าวหน้า สับสนในชีวิต สูญสิ้นทรัพย์สินอาชีพ และทุกข์ถึงขั้นฆ่าตัวตาย
คนดีเป็นที่ต้องการของสังคมแน่นอน ทุกคนอยากเป็นคนดี ใครๆก็อยากเจอคนดี แต่การเป็นคนดีไม่ใช่แค่คิดดีพูดดีทำดี ต้องมีเหตุผล ยืดหยุ่น กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม ยอมรับความแตกต่าง เปิดใจและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ ความเป็นไปของโลกอย่างที่ควรจะเป็น แล้วคุณจะเป็นคนดีในแบบที่โลกต้องการ สังคมยอมรับ สุขภาพจิตดี มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต